posttoday

เปิดลิสต์ข่าวต่างประเทศที่มีคนอ่านมากที่สุดบนเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์

30 ธันวาคม 2563

ปีนี้ข่าวต่างประเทศข่าว-บทความไหนบนเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ได้รับความสนใจบ้างไปดูกัน 

ทีมงานโพสต์ทูเดย์รวบรวมข่าวหรือบทความต่างประเทศบนเว็บไซต์ของเราที่มีคนอ่านมากที่สุดในปีนี้ 20 อันดับ โดยสถิติที่น่าสนใจคือ จากข่าวที่ติดท็อป 20 ปรากฏว่าเป็นข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้องกับ Covid-19 ถึง 10 ข่าว ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกับความสนใจของผู้คนทั่วโลกที่เปิดอ่านบทความเกี่ยวกับ Covid-19 กันมากที่สุดบนเว็บไซต์วิกิพีเดีย   

ทว่าข่าวต่างประเทศที่มียอดอ่านมากที่สุดบนเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ซึ่งมียอดวิวสูงถึง 201,006 ครั้ง ไม่ใช่เรื่อง Covid-19 แต่เป็นเรื่อง เบื้องหลังการล่มสลายของอาณาจักรน้ำมันสิงคโปร์ ที่เบื้องหน้ามีชื่อเสียงดี แต่เบื้องหลังซุกหนี้ไว้เพียบถึง 3,850 ล้านเหรียญสหรัฐ  

เปิดลิสต์ข่าวต่างประเทศที่มีคนอ่านมากที่สุดบนเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์

อันดับที่ 2 จึงจะเป็นเรื่องของ Covid-19 ในบทความเอ็กซ์คลูซีฟเรื่อง ตายเยอะกว่าโคโรนา โรคระบาดที่สหรัฐไม่อยากให้โลกรู้ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ทีมงานเล่าว่าในขณะที่ชาวโลกกำลังตื่นตระหนกกับโคโรนาไวรัสจากจีน โรคระบาดร้ายแรงโรคหนึ่งที่กำลังระบาดในสหรัฐกลับไม่มีการพูดถึง  

อันดับที่ 3 เป็นเรื่องปริศนาลี้ลับของมัมมี่ในข่าวเรื่อง ดูกันจะๆ เปิดโลงมัมมี่ครั้งแรกในรอบ 2,500 ปี ซึ่งเป็นการค้นพบครั้งสำคัญของอียิปต์และชาวโลก  

อันดับที่ 4 เป็นบทความเอ็กซ์คลูซีฟเกี่ยวกับ แจ็ค หม่า เจ้าพ่ออาลีบาบาที่กำลังถูกรัฐบาลจีนจ้องเล่นงานในขณะนี้ เรื่อง ความพ่ายแพ้ของแจ็ค หม่า  

อันดับ 5 เป็นข่าว พบเรือดำน้ำที่สาบสูญช่วงสงครามใกล้กับภูเก็ต

ตามด้วยบทความเอ็กซ์คลูซีฟเรื่อง คำทำนายของมหาเศรษฐีผู้รู้อนาคตเหมือนตาเห็น ที่เขียนถึงความมีวิสัยทัศน์ของ บิล เกตส์ ที่เคยบอกไว้หลายปีก่อนที่ Covid-19 จะระบาดว่า ให้ชาวโลกระมัดระวังการระบาดใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ โดยที่เราแทบจะตั้งรับกันไม่ทัน

เปิดลิสต์ข่าวต่างประเทศที่มีคนอ่านมากที่สุดบนเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์

บทความต่อมาก็ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Covid-19 คือ การล่มสลายของร้านอาหารในตำนาน อยู่มาเป็นร้อยปี แต่ต้องมีอันเป็นไปเพราะโควิด บทความนี้เล่าถึงร้านอาหารชื่อดังหลายแห่งที่ทนพิษโควิดไม่ไหวจนต้องยอมปิดตำนานของตัวเองลงท่ามกลางความไม่แน่นอนว่าโควิดจะหมดเมื่อไร

อันดับที่ 8 ก็หนีไม่พ้นเรื่องราวเกี่ยวกับ Covid-19 แต่ขยับเข้าใกล้ตัวคนไทยขึ้นมาอีกนิดกับข่าว เมียนมาไม่พอใจไทยเลือกปฏิบัติ ที่ทางทีมงานนำเสนอมุมมองอีกด้านของสื่อเมียนมาเกี่ยวกับแรงงานเมียนมาในไทย หลังจากเชื้อโคโรนาไวรัสระบาดที่ตลาดขายอาหารสมุทรสาคร

สองอันดับสุดท้ายในท็อป 10 คือ ภาพสะเทือนใจ ภรรยาผอ.โรงพยาบาลอู่ฮั่นยื้อรถขนศพสามี ที่เผยแพร่เมื่อเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงที่เชื้อโคโรนาไวรัสระบาดหนักในจีน และจีนตะลึง! พบพระพุทธรูปไร้เศียรเก่าแก่ขนาดมหึมาซ่อนกลางชุมชน ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ส่วนข่าวอื่นในท็อป 20 ได้แก่ ถ้าคิมจองอึนตาย เธอคนนี้อาจกลายเป็นท่านผู้นำ, โลกกลับตาลปัตร จีนเริ่มเดินหน้าอีกครั้ง ประเทศอื่นกำลังชะงักงัน, บุญหล่นทับไทยแลนด์? เมื่อญี่ปุ่นหนีจีนย้ายฐานมาอาเซียน

จีนยกระดับเตือนภัยหลังจากพบกาฬโรคระบาด, สื่อจีน-ญี่ปุ่นชี้ ‘สหรัฐ’ ต้นกำเนิด ‘โคโรนาไวรัส’ ตัวจริง (2), เยอรมนีเจอติดโควิดพรวด 109 รายในวันเดียว–สวิตเซอร์แลนด์พบตายรายแรกแล้ว

เผยภาพดาวเทียมความเสียหาย หลังฐานสหรัฐถูกอิหร่านถล่ม, ไบเดนเป็นอันตรายต่อดุลอำนาจโลกมากกว่าทรัมป์, หลักฐานใหม่ ผู้ติดเชื้อไวรัสจะสูญเสียการรับกลิ่นและรสชาติ และโรงพยาบาลในนิวยอร์กใช้วิตามินซีรักษาโควิด-19

***หมายเหตุ ยอดอ่านนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 ธ.ค.2563