ส่องที่มาและจุดหมาย “โรงงานรีไซเคิลทุนจีน” ตัวการก่อมลพิษจากขยะในอาเซียน
ส่องนโยบายสิ่งแวดล้อมของจีนที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรีไซเคิลและการจัดการขยะในระดับโลก เมื่อจีนจัดนโยบายเข้มในการนำเข้าขยะและวัสดุรีไซเคิลจากต่างประเทศ ส่งผลให้ขยะมลพิษถูกส่งออกไปยังประเทศอื่นแทน โดยเฉพาะอาเซียน ที่มาพร้อมกับการตั้งโรงงานรีไซเคิลทุนจีน!
โรงงานรีไซเคิลทุนจีนมาจากไหน?
ทุนจีนมีอยู่ในทุกกลุ่มธุรกิจ และมีทุกสี ไม่เว้นแม้ในธุรกิจรีไซเคิล ล่าสุดข่าวไฟไหม้โกดังเก็บพลาสติกรีไซเคิล ที่บ้านแพ้ว สมุทรสาคร ก็มีเจ้าของเป็นคนจีน แถมยังลักลอบประกอบกิจการบนพื้นที่สีเขียวอีกด้วย ข่าวระบุว่า วัสดุส่วนใหญ่เป็น ยางและเปลือกสายไฟจำนวนมาก รวมถึงเศษพลาสติก และเศษวัสดุอื่น ๆ ที่เตรียมนำมารีไซเคิล
จากการตรวจค้น 2 บริษัทคือบริษัท เอ็ม ซี ที รอยัล วูด จำกัด และบริษัท บีเค รีไซเคิล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ห่างกันเพียง 100 เมตร และโกดังที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ พบกองพลาสติกเปลือกหุ้มสายไฟจากต่างประเทศที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการหลอมเป็นเม็ดพลาสติกรวมกว่า 6,900 ตัน ซึ่งมีมูลค่ากว่า 170 ล้านบาท
ข่าวระบุชัดเป็น "โรงงานพลาสติกเถื่อน" พบการประกอบกิจการผิดประเภท มีการตั้งโรงงานบดย่อยหลอมพลาสติก
ข้อมูลจากเพจลุงซาเล้งกับขยะที่หายไประบุด้วยว่า การเข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทยของคนจีนไม่ได้มีแค่ตัวโรงงานเท่านั้น หากโรงงานเหล่านี้ยังนำเข้าเศษวัสดุจากต่างประเทศมารีไซเคิลในบ้านเราด้วยแทนที่จะใช้วัสดุในประเทศไทย แล้วก็ส่งสินค้าที่ถูกรีไซเคิลแล้วกลับไปขายในจีน กล่าวคือ ใช้ประเทศไทยเป็นได้แค่ฐานการผลิตเท่านั้น!
สอดคล้องกับตัวเลขการส่งออกเม็ดพลาสติกไปยังประเทศจีนมากถึง 962 ล้านกิโลกรัม มูลค่ากว่า 3.9 หมื่นล้านบาท โดยพลาสติกชนิด Ethylene-alpha-olefin copolymers (SG < 0.94) มีปริมาณการส่งออกมากที่สุดอยู่ที่ 380 ล้านกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท (ในปี 2024) ซึ่งเป็นพลาสติกที่นำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์, ยานยนต์, ก่อสร้าง และ เครื่องใช้ไฟฟ้า และยังสอดคล้องกับข่าวไฟไหม้โรงงานพลาสติกรีไซเคิลล่าสุดที่พบว่า
"มีการนำสายไฟเก่าจากประเทศจีนเข้ามาปลอกเปลือกนำทองแดง และยางหุ้มเปลือกสายไฟไปทำเม็ดพลาสติก"
ทั้งหมดนี้ล้วนมีที่มาจากนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของจีนที่เข้มงวดมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรีไซเคิลทั่วโลก
วันนี้โพสต์ทูเดย์ชวนมาสำรวจ นโยบายสิ่งแวดล้อมของจีนที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรีไซเคิลและการจัดการขยะในระดับโลก โดยมีจุดเริ่มต้นสำคัญจากโครงการ “National Sword Policy” ในปี 2017 ซึ่งเป็นนโยบายที่จีนเริ่มเข้มงวดกับการนำเข้าขยะและวัสดุรีไซเคิลจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐฯ และยุโรป
นโยบายหลักของจีนในการลดมลพิษจากขยะและการรีไซเคิล
National Sword Policy (2017) ห้ามนำเข้าขยะพลาสติก กระดาษที่ปนเปื้อน และโลหะบางชนิดที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการคัดแยกที่สะอาด มีการกำหนดมาตรฐานความสะอาดของวัสดุรีไซเคิลที่นำเข้าให้สูงขึ้น (สิ่งเจือปนต้องไม่เกิน 0.5%) สำคัญคือเน้นการลดมลพิษจากขยะที่ไม่ได้คุณภาพซึ่งเคยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของจีน
เข้มข้นกว่าเดิมในปี 2018 ด้วย Blue Sky Policy นโยบายนี้ขยายการควบคุมขยะนำเข้าให้เข้มงวดขึ้นกว่าเดิม โดยเพิ่มประเภทขยะที่ถูกแบน เช่น ขยะอิเล็กทรอนิกส์และพลาสติกผสมและมีการส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมของจีนพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลภายในประเทศแทนการพึ่งพาการนำเข้าขยะจากต่างชาติ
Ban on Solid Waste Imports ในปี 2021 จีนประกาศห้ามนำเข้าขยะมูลฝอยทุกประเภทโดยสิ้นเชิง ผลักดันให้ผู้ประกอบการรีไซเคิลต้องหาวัตถุดิบภายในประเทศเอง ลดการพึ่งพาขยะนำเข้า และกระตุ้นให้เกิดระบบการจัดการขยะในประเทศที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลกระทบต่อตลาดรีไซเคิลโลกและประเทศอาเซียน เมื่อขยะรีไซเคิลจากตะวันตกต้องหาที่ลงแห่งใหม่!
เมื่อนโยบายของจีนมีผลบังคับใช้ ขยะรีไซเคิลจากประเทศตะวันตกที่เคยถูกส่งไปจีนจึงต้องหาตลาดใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกส่งไปยัง ประเทศในอาเซียน เช่น ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ทำให้เกิดปัญหาดังนี้
ไทย - มีการนำเข้าขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะช่วงปี 2018-2019 โรงงานรีไซเคิลเพิ่มขึ้นรวดเร็ว แต่บางแห่งดำเนินการอย่างผิดกฎหมายและก่อมลพิษ รัฐบาลไทยเริ่มออกมาตรการควบคุม เช่น การห้ามนำเข้าขยะพลาสติกภายในปี 2025
มาเลเซีย - กลายเป็นศูนย์กลางนำเข้าขยะพลาสติกของโลกแทนจีน ส่งผลให้เกิดปัญหาการนำเข้าขยะที่ไม่ได้มาตรฐานและการรีไซเคิลที่ก่อมลพิษ รัฐบาลมาเลเซียออกมาตรการส่งคืนขยะที่ไม่ผ่านมาตรฐานไปยังประเทศต้นทาง
เวียดนาม - มีการนำเข้าขยะรีไซเคิลเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลเริ่มกำหนดโควต้าการนำเข้าเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อินโดนีเซีย - พบว่ามีขยะรีไซเคิลถูกลักลอบนำเข้าจำนวนมาก รัฐบาลอินโดนีเซียจึงมีมาตรการเข้มงวดขึ้นในการคัดแยกขยะที่นำเข้า
แนวโน้มในอนาคต
• การลดนำเข้าขยะในอาเซียน: หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายควบคุมและลดการนำเข้าขยะจากต่างประเทศ เช่น ไทยมีแผนห้ามนำเข้าขยะพลาสติกภายในปี 2025
• การพัฒนาระบบรีไซเคิลในประเทศ: จีนและประเทศอาเซียนเริ่มส่งเสริมเทคโนโลยีรีไซเคิลภายในประเทศมากขึ้น
• แรงกดดันจากประเทศต้นทาง: ประเทศที่ส่งออกขยะ เช่น สหรัฐฯ และยุโรป กำลังถูกกดดันให้พัฒนาระบบรีไซเคิลของตัวเองแทนการพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศกำลังพัฒนา
จุดหมายหลักของขยะรีไซเคิลจากจีน
สเต็ปต่อมาคือคำถามว่า แล้วขยะรีไซเคิลจากจีนถูกส่งไปที่ไหน นอกเหนือจากการมาตั้งโรงงานขยะรีไซเคิล (เพื่อส่งออกขยะที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลแล้ว)
แม้ว่าจีนจะห้ามนำเข้าขยะจากต่างประเทศตั้งแต่ปี 2021 แต่ภายในประเทศจีนเองยังคงผลิตขยะรีไซเคิลเป็นจำนวนมาก และขยะบางส่วนถูกส่งออกไปยังประเทศอื่นเพื่อลดภาระในการจัดการภายในประเทศ โดยจุดหมายหลักของขยะรีไซเคิลจากจีน ได้แก่:
ประเทศในอาเซียน
หลังจากจีนบังคับใช้ “National Sword Policy” และ “Ban on Solid Waste Imports” ขยะที่เคยถูกนำเข้าไปจีนก็ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปประเทศอาเซียนแทน แต่ในขณะเดียวกัน ขยะภายในจีนเองบางส่วนก็ถูกส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้เพื่อรีไซเคิล (ที่มาของโรงงานรีไซเคิลทุนจีน)
ไทย - มีโรงงานรีไซเคิลที่รับขยะพลาสติกและเศษโลหะจากจีนสอดคล้องกับข้อมูลข้างต้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยมีแผนห้ามนำเข้าขยะพลาสติกภายในปี 2025 โดยเขตอุตสาหกรรมที่มีโรงงานรีไซเคิลจำนวนมาก เช่น ฉะเชิงเทรา ชลบุรี สมุทรปราการ
มาเลเซีย - พบขยะพลาสติกจากจีนที่ถูกลักลอบนำเข้าและรีไซเคิลแบบผิดกฎหมาย
เวียดนาม - รับขยะพลาสติก กระดาษ และโลหะบางส่วนจากจีน แต่ก็มีข้อกำหนดเข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการนำเข้าขยะ
อินโดนีเซีย - นำเข้าขยะกระดาษและพลาสติกจากจีนเพื่อป้อนโรงงานรีไซเคิล และพบว่ามีการนำเข้าขยะปนเปื้อนผิดกฎหมายจำนวนมาก
ส่วนที่อื่นๆ ก็มี
อินเดียและบังกลาเทศ - อินเดีย เป็นศูนย์กลางรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์และโลหะ ขยะจากจีน เช่น เศษโลหะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และพลาสติกบางประเภทถูกส่งมาที่นี่ ส่วนบังกลาเทศ รับขยะพลาสติกและเศษโลหะจากจีนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอและการผลิต
ตุรกี - ตุรกีเป็นหนึ่งในจุดหมายหลักของขยะพลาสติกและกระดาษจากจีน มีการใช้ขยะพลาสติกเป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ปัญหามลพิษจากขยะนำเข้าเริ่มรุนแรงขึ้น ทำให้รัฐบาลตุรกีเริ่มออกกฎหมายควบคุม
ประเทศในแอฟริกา - ขยะพลาสติกและเศษโลหะจากจีนถูกส่งไปยังประเทศในแอฟริกา เช่น ไนจีเรียและกานา โดยมีศูนย์กลางรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ เช่น Agbogbloshie ในกานา โดยรับขยะจากจีนมารีไซเคิล
ประเทศตะวันตกบางส่วน - แม้ว่าประเทศตะวันตกส่วนใหญ่จะส่งขยะไปยังเอเชีย แต่ก็มีบางกรณีที่จีนส่งขยะกลับไปยังประเทศที่เคยส่งขยะมา เช่น
• เยอรมนี และ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีโรงงานรีไซเคิลที่สามารถรับขยะจากจีนได้
• ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ซึ่งมีระบบรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพและรับขยะจากจีนเพื่อแปรรูป
สรุป
ขยะรีไซเคิลจากจีนส่วนใหญ่ถูกส่งไปยัง อาเซียน (ไทย มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย), อินเดียและบังกลาเทศ, ตุรกี, บางประเทศในแอฟริกา, และ บางประเทศในยุโรป ขณะที่หลายประเทศเริ่มเข้มงวดขึ้นกับการนำเข้าขยะ ทำให้จีนต้องพัฒนาอุตสาหกรรมรีไซเคิลภายในประเทศมากขึ้นเพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกขยะ
ที่มา: https://appdb.tisi.go.th/tis_devs/regulate/eu/pdf/Plastic_Garbage.pdf?utm_source=chatgpt.com