posttoday

คาดยาโควิดจาก Merck ทำเงินถึง 2 แสนล้านภายในปีนี้

05 ตุลาคม 2564

Merck อาจโกยรายได้จากยาโมลนูพิราเวียร์ได้กว่า 2 แสนล้านบาทภายในปีนี้ จ่อขึ้นแท่นหนึ่งในยาที่สามารถทำเงินได้มากที่สุด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า Merck ยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชกรรมจากอเมริกาอาจสามารถทำเงินจากโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ยาเม็ดรักษาโควิด-19 ได้ถึง 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 236,300 บาท ภายในปี 2021

เนื่องจากขณะนี้มีรัฐบาลหลายประเทศที่สนใจยาดังกล่าว ขณะที่หลายประเทศก็ได้ทำข้อตกลงซื้อขายไปแล้วเช่นกัน หลังจากที่บริษัทเปิดเผยความคืบหน้าในการทดลองยาเม็ดโมลนูพิราเวียร์ ว่ามีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสได้ทุกสายพันธุ์ รวมถึงสายพันธฺุ์เดลตา ท่ามกลางการจับตามองว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโลกในการต่อสู้กับโควิด-19

พร้อมเผยผลการทดลองทางคลินิกว่าสามารถลดอาการป่วยที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลและอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตจาก Covid-19 ได้ครึ่งหนึ่ง

โดย Merck เปิดเผยว่าได้เซ็นสัญญากับรัฐบาลสหรัฐไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในการจัดหายาโมลนูพิราเวียร์จำนวน 1.7 ล้านคอร์ส ราคาคอร์สละ 700 เหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมเป็นเงิน 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ยังได้เจรจากับอีกหลายประเทศในการจัดส่งยาดังกล่าว อาทิ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน มาเลเซีย รวมถึงไทยซึ่งได้เจรจาซื้อยาโมลนูพิราเวียร์จำนวน 200,000 คอร์ส โดย Merck ระบุว่าจะกำหนดราคายาสำหรับประเทศต่างๆ ตามรายได้ของแต่ละประเทศ

ทั้งนี้ Merck คาดว่าจะสามารถผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ได้ 10 ล้านคอร์สก่อนสิ้นปี 2021 ซึ่งอาจคิดเป็นเงินถึง 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 236,300 บาท ที่ Merck จะสามารถทำได้ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

นับว่าเป็นหนึ่งในยาที่สามารถทำเงินได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

โดยก่อนหน้านี้มี Biktarvy ยาเม็ดสำหรับโรคเอชไอวีจาก Gilead บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์สัญชาติอเมริกัน ซึ่งได้รับการอนุมัติในปี 2018 ทำรายได้ถึง 7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020

รองลงมาจาก Keytruda (Pembrolizumab) ยาสำหรับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งซึ่งทำรายได้กว่า 14 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปีเดียว และ Humira (adalimumab) ยารักษาโรคข้ออักเสบจาก AbbVie บริษัทชีวเวชภัณฑ์ของอเมริกา

ขณะที่หุ้นของบริษัท Merck ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เผยประสิทธิภาพของตัวยาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยขณะนี้แตะที่ระดับ 83.10 เหรียญสหรัฐ จากระดับ 75 เหรียญสหรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน

โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าหุ้นของ Merck ยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้นี้

ในทางกลับกันหุ้นของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนยังคงลดลงต่ำกว่าระดับเมื่อสัปดาห์ก่อน ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Pfizer, BioNTech, Moderna, AstraZeneca และ Johnson & Johnson

เนื่องจากความกังวลจากบรรดานักลงทุนที่กลัวว่าข่าวดีเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาโมลนูพิราเวียร์จาก Merck อาจลดความต้องการวัคซีนในตลาดลงได้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอีกส่วนหนึ่งมองว่าการเทขายหุ้นวัคซีนนั้นเป็นการตื่นตระหนกจนเกินไป เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าวัคซีนจะยังคงจำเป็น แม้ว่ายาเม็ดรักษาโควิด-19 จะได้รับการอนุมัติก็ตาม

นอกจาก Merck แล้วยังมียาต้านโควิด-19 ชนิดเม็ด PF-07321332 จากบริษัท Pfizer ของสหรัฐ และ AT-527 จาก Roche Holding AG บริษัทเวชภัณฑ์สัญชาติสวิส ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการทดลองระยะที่ 3 เช่นเดียวกัน ท่ามกลางการจับตามองว่ายาเม็ดรักษาโควิด-19 จากบริษัทใดจะได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการเป็นเจ้าแรกของโลก

ที่มา: Forbes, Quartz, Yahoo Finance

ภาพ: Handout / Merck & Co,Inc. / AFP