ฟื้นกุ้งไทยทั้งระบบ สมาคมกุ้ง เสนอวาระแห่งชาติ ปี 69 โอกาสทองตลาดสหรัฐ
อุตสาหกรรมกุ้งไทย 13 ปีติดหล่ม ผลผลิตทรงตัว 270,000 ตัน ชงป็น “วาระแห่งชาติ” ทางรอดปี 69 คว้าโอกาสทองตลาดสหรัฐหลังอินเดียเจอภาษีอ่วม
กุ้งเคยเป็นสัตว์เศรษฐกิจสำคัญของไทย โดยในช่วงปี 2554 ประเทศมีผลผลิตสูงถึง 600,000 ตัน สร้างรายได้มหาศาลให้เกษตรกรทั่วประเทศ แต่ปัจจุบันผลผลิตกลับลดลงเหลือราว ๆ 250,000 - 270,000 จากปัจจัยหลักคือโรคระบาดในกุ้ง เช่น โรค EMS ตัวแดงดวงขาว ขี้ขาว และหัวเหลือง ที่เรื้อรังมายาวนาน รวมถึงสภาพอากาศแปรปรวน ซึ่งล่าสุดสถานการณ์น้ำท่วมได้สร้างความเสียหายให้กับผู้เลี้ยงกุ้งในหลายจังหวัดภาคใต้ไม่น้อย ขณะเดียวกัน การแข่งขันด้านราคาจากต่างประเทศก็เป็นอีกแรงกดดันสำคัญที่กระทบต่ออุตสาหกรรมกุ้งไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่คือเสียงสะท้อนจากสมาคมกุ้งไทย ที่กำลังตั้งคำถามว่าเราจะผลักดันอุตสาหกรรมกุ้งไทยให้โตได้อย่างไร?
นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย ระบุว่า หลังจากปี 2556 ผลผลิตกุ้งไทยได้ ทิ้งดิ่งลงมา และในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ผลผลิตคงเหลืออยู่ที่ประมาณ 250,000 - 270,000 ตันโดยกราฟไม่เคยขยับไปไหนเลย สัดส่วนผลผลิตกุ้งไทยมาจากภาคใต้ตอนบนมากที่สุด 37% รองลงมาคือภาคใต้ฝั่งอันดามัน 23% ภาคตะวันออก 19% ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย 11% และภาคกลาง 10% จากผลผลิตที่ลดลงทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้รับ โดยมีการประเมินความเสียหายในช่วง 13 ปีที่ผ่านมาแล้ว 650,000 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการผลิตกุ้งไทย ได้แก่
- โรคกุ้ง โดยเฉพาะโรคขี้ขาว และโรคตัวแดงดวงขาว เกษตรกรจึงจับกุ้งเร็วกว่ากำหนด ประเด็นนี้ ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่อย่างมาก
- สภาพอากาศแปรปรวน การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ที่เกิด มหาอุทกภัย ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง เช่น สงขลา นครศรีธรรมราช ปัตตานี พัทลุง และตราด ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่เกษตรกร
- งบประมาณ กรมประมงขาดงบประมาณสำหรับการบริการเกษตรกร โดยเฉพาะงบประมาณสำหรับค่าน้ำยาตรวจโรค และเครื่องมือเคมีวิเคราะห์ตามศูนย์ประมงในแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการก้าวข้ามปัญหาโรค และเป็นเรื่องที่สมาคมกุ้งไทยได้ยื่นต่อรัฐบาลทุกชุด
ปี 69 “ปีพลิกฟื้น” ของอุตสาหกรรมกุ้งไทย
ทั้งนี้ ท่ามกลางวิกฤต ก็ยังพอมีแสงสว่างเมื่อดูภาพรวมการส่งออกช่วง 10 เดือนแรกปี 2568 (ม.ค.–ต.ค.) แม้จะลดลง 6% ทั้งปริมาณและมูลค่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กระทบตลาดคู่ค้าหลักอย่างญี่ปุ่น จีน และสหรัฐฯ ซึ่งยังเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยคิดเป็น 24%, 23% และ 19% ตามลำดับ แต่ตลาดในประเทศเติบโตโดดเด่น คิดเป็น 15% ของผลผลิตทั้งหมด
นายเอกพจน์ระบุว่า ปี 2568 ผลผลิตกุ้งโลกคาดอยู่ที่ 5.22 ล้านตัน เติบโต 4% โดยทุกประเทศผู้ผลิตหลักเพิ่มกำลังผลิต โดยเฉพาะเอกวาดอร์ 1.4 ล้านตัน (+4%) และจีน 1.34 ล้านตัน (+6%) ส่วนไทยยังทรงตัวที่ราว 270,000 ตันเทียบเท่าปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ปี 2569 ถูกคาดหมายว่าเป็น “ปีพลิกฟื้น” ของอุตสาหกรรมกุ้งไทย จากแรงหนุนด้านการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ หลังอินเดียถูกภาษีสหรัฐเรียกเก็บสูงกว่า 60% ซึ่ง อาจทำให้กุ้งหายจากตลาดถึง 300,000 ตัน ขณะที่ไทยถูกเก็บภาษีเพียง 19% นับเป็นโอกาสของกุ้งไทยที่จะเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตรงนี้ได้
รวมถึงทิศทางการบริโภคในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง ปัจจุบันคิดเป็นราว 15% ของผลผลิตทั้งหมดทั้งยังระบุว่า ราคากุ้งปีนี้อยู่ในระดับดี โดยครึ่งปีแรกปรับเพิ่ม 10–15% จากความต้องการในประเทศที่สูงขึ้น กระตุ้นให้เกษตรกรลงกุ้งเพิ่ม แม้ช่วงปลายไตรมาส 3 ราคาจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย 5–10% จากปริมาณฝนที่มากขึ้น ทำให้ผู้เลี้ยงเร่งจับก่อนกำหนด
นอกจากกุ้งขาวที่เป็นผลผลิตหลักของไทยในการส่งออกแล้วและบริโภคแล้ว ผู้เลี้ยงกุ้งบางรายหันมาเลี้ยงกุ้งกุลาดำเพิ่มมากขึ้น ถึง 27% ของผลผลิตกุ้งกุลาดำเพิ่มขึ้น18% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 30,000 ตันนับจากปี2552 ที่มีปริมาณเลี้ยงเพียง 3,500 ตัน โดยสาเหตุหลักๆมาจากเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไม่ประสบความสำเร็จจากการเลี้ยงกุ้งขาว และราคาของกุ้งกุลาดำจูงใจมากกว่า สำหรับสายพันธุ์กุ้ง รวมทั้งประเทศมีลูกกุ้ง 34,000 ล้านตัว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณ 33,228 ล้านตัว หรือเพิ่มขึ้น 2%
ดันกุ้งเป็นวาระแห่งชาติ
ปี 2569 มีปัจจัยที่เอื้อให้กุ้งไทยมีโอกาสทางการตลาด โดยเฉพาะตลาดสหรัฐที่ไทยได้เปรียบ ทางสมาคมฯ ได้เสนอให้ภาครัฐเร่งผลักดันการแก้ปัญหาการผลิตกุ้ง ให้เป็น “วาระแห่งชาติ” เพื่อเพิ่มผลผลิตกุ้งคุณภาพให้ได้ตามเป้า 400,000 ตัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ห้องเย็นในการรับออร์เดอร์ เร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับประเทศนำเข้ากุ้ง ได้แก่ สหภาพยุโรป อังกฤษ และเกาหลีใต้ พร้อมทั้งยกระดับการฟาร์มกุ้งให้สามารถปรับตัวเข้าสู่การรับรองมาตรฐานสากลที่ตลาดต้องการ รวมถึงการดำเนินโครงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาร์บอนต่ำ เพื่อตอบโจทย์ตลาดโลกที่ให้ความสำคัญเรื่องการสร้างความยั่งยืนมากขึ้น
ข้อเรียกร้อง 3 ประสาน สู่ "วาระแห่งชาติ"
สมาคมกุ้งไทยเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการภายใต้หลัก "3 ประสาน" คือ ภาคที่ 1 ภาคส่วนรัฐ ภาคที่ 2 ปัจจัยการผลิต และภาคที่ 3 เกษตรกร โดยมีข้อเสนอหลักเพื่อนำผลผลิต 400,000 ตันกลับคืนมา
- ยกสถานะกุ้งเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากกุ้งเคยสร้างรายได้กว่า 100,000 ล้านบาทและมีการกระจายตัวไปยังเกษตรกรกว่า 2 ล้านคนใน 30 จังหวัด
- ต้องการผลักดันสินค้าเกษตร เร่งเจรจา FTA กับตลาดสำคัญ เช่น สหภาพยุโรป (EU), อังกฤษ, เกาหลีใต้, และแคนาดา โดยเฉพาะตลาดยุโรปเป็นอีกหนึ่งตลาดของกุ้งไทยที่จะทำให้ไทยกลับมาส่งออกกุ้งได้อีก 60,000 ตันจากเดิมที่หายไปหลังไทยถูกตัดสิทธิ GSP ทำให้ปัจจุบันไทยส่งออกกุ้งไปสหภาพยุโรปเพียง 300 ตันเท่านั้น ซึ่งหากการเจรจาประสบความสำเร็จจะดันไทยส่งออกสู่ ระดับ 400,000 ตัน และมูลค่าส่งออกระดับแสนล้านได้อีกครั้ง
- ลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่นลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เรียกร้องให้ลดภาษีนำเข้าถั่วเหลืองเพื่อลดต้นทุนอาหารสัตว์สำหรับอุตสาหกรรมกุ้ง และสนับสนุนพลังงานสีเขียว เรียกร้องให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง จัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือปลอดดอกเบี้ย เพื่อให้เกษตรกรปรับปรุงเครื่องมือที่ใช้มานานกว่า 30 ปี ให้เป็นมอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อลดการใช้พลังงานและมุ่งสู่มาตรฐาน Low Carbon
- เพิ่มงบประมาณวิจัยและแก้ปัญหาโรค หน่วยงานวิจัย (มหาวิทยาลัย, สวทช., วช.) ต้องเข้ามาระดมกำลังแก้ไขปัญหาโรคอย่างจริงจัง
“และฝากไปถึงพรรคการเมืองที่จะเสนอตัวเป็นรัฐบาลในสมัยหน้า ต้องมีการกำหนดนโยบายภาคการเกษตร โดยเฉพาะการส่งเสริมอุตสาหกรรมกุ้ง ให้กลับมามีความเข้มแข็ง และพ้นจากหล่มผลผลิต 270,000 ตัน ให้ได้เพราะที่ผ่านมาไทยติดอยู่กับปัญหาโรคกุ้ง จนเสียโอกาสไปมากแล้ว ปี 2569 เป็นปีที่ตลาดเปิดเต็มที่ แต่เราต้องผลิตกุ้งให้ได้ เพื่อคว้าโอกาสทางการตลาดนี้กลับมา ”


