กทม. เปิดวิสัยทัศน์: ขับเคลื่อนเมืองสู่ความยั่งยืนด้วยความยืดหยุ่น
Bangkok Perspectives : เปิดวิสัยทัศน์ กทม. ขับเคลื่อนเมืองยั่งยืนด้วยความยืดหยุ่น ผ่านความร่วมมือหลายภาคส่วน เพื่อฟื้นตัวเร็วและทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน
KEY
POINTS
- กทม. เปิดวิสัยทัศน์ “Bangkok Perspectives” โดยชูหลักการ “ความยืดหยุ่น” (Resilience) เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนกรุงเทพฯ สู่การเป็นเมืองที่ยั่งยืนและน่าอยู่สำหรับทุกคน
- แนวคิดสำคัญคือการสร้าง “สปริงของสังคม” ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อให้เมืองสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
- กทม. ได้ร่วมมือกับนานาชาติในหลายโครงการ เช่น การจัดการขยะกับเดนมาร์ก พลังงานสะอาดกับเยอรมนี และการส่งเสริมการปั่นจักรยานกับเนเธอร์แลนด์ เพื่อนำความรู้มาพัฒนาเมือง
เปิดวิสัยทัศน์ Bangkok Perspectives ขับเคลื่อนเมืองยั่งยืนด้วยความยืดหยุ่น
กรุงเทพมหานคร เปิดวิสัยทัศน์ “Bangkok Perspectives” เน้นการขับเคลื่อนเมืองยั่งยืนด้วยหลักการของ “ความยืดหยุ่น” (Resilience) พร้อมทำสิ่งเล็ก ๆ ที่เกิดผลในวงกว้าง เพื่อสร้างกรุงเทพฯ ที่น่าอยู่สำหรับทุกคน
วิสัยทัศน์นี้ถูกนำเสนอในงาน Bangkok Perspectives GIZ Thailand Business Dialogue ซึ่งจัดโดยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) เพื่อให้ผู้นำจากภาคธุรกิจ ภาครัฐ และประชาคมการพัฒนาระหว่างประเทศ ร่วมกันแสวงหาแนวทางตอบสนองต่อปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนทางเศรษฐกิจ
งานนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “Navigating Uncertainty: Global Cooperation and Economic Resilience in a Fragmented World” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือและความยืดหยุ่นของพันธมิตรในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป และระดับโลก
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมกล่าวเปิดงานและเน้นย้ำถึงแนวคิดสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งของเมือง โดยเฉพาะการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลก
ความยืดหยุ่นเหนือความแข็งแกร่ง
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ อ้างถึงหนังสือ “Whiplash” ที่เขียนโดย โจอิ อิโตะ อดีตผู้อำนวยการ MIT Media Lab ซึ่งสรุปแนวโน้ม 10 ประการเพื่อช่วยให้เราอยู่รอดในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยหนึ่งในแนวโน้มที่ถูกเน้นย้ำคือ “ความยืดหยุ่นจะชนะความแข็งแกร่ง”
ความยืดหยุ่นในบริบทของการพัฒนาเมือง หมายถึง ความสามารถในการฟื้นตัวหลังเกิดเหตุการณ์เลวร้าย และการกลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว หากเมืองต้องการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เมืองนั้นต้องมี ‘สปริง’ ที่ดี
การสร้าง “สปริงของสังคม”
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ มีมุมมองว่า ภาครัฐเพียงอย่างเดียวมีขีดความสามารถที่จำกัดในการเป็นสปริงที่ดี ดังนั้น สปริงที่ดีจึงต้องมี “สปริงของสังคม” การสร้างความยืดหยุ่นในสังคมนั้นจำเป็นต้องอาศัยการร่วมมือจากหลายภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชน
การรวมตัวกันในงาน Bangkok Perspectives GIZ Thailand Business Dialogue ในวันนี้ ก็เพื่อเสริมสร้างสปริงทางสังคมนี้ให้แข็งแกร่งขึ้น ผ่านการร่วมมือและแบ่งปันความรู้ผ่านโครงการต่าง ๆ เพื่อทำให้เมืองมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
การขับเคลื่อนสู่เมืองยั่งยืนด้วยความร่วมมือระดับโลก
ช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา กทม. ดำเนินภารกิจทางการทูตและร่วมมือกับนานาประเทศเพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นเมืองยั่งยืน ตัวอย่างความร่วมมือเหล่านี้ ได้แก่ การทำงานกับประเทศเดนมาร์กในเรื่องการแยกขยะบนคอนโด, การเรียนรู้เรื่องก๊าซเรือนกระจกจากเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น, และการทำงานเรื่องการปั่นจักรยานร่วมกับประเทศเนเธอร์แลนด์ ล่าสุด กทม. ได้ลงนามภายใต้โครงการ Eco-Capitals Forum กับสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและอีกหลากหลายประเทศ
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังได้ร่วมมือกับ GIZ ในเรื่องโครงการโซลาร์ เพื่อขับเคลื่อนสู่ เมืองคาร์บอนต่ำ และการใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน
เป้าหมายของกรุงเทพมหานคร
นายชัชชาติกล่าวสรุปถึงเป้าหมายอันแน่วแน่เสมอมาของ กทม. คือ การทำสิ่งเล็ก ๆ แต่ได้ผลในวงกว้าง เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน


