posttoday

ตั้งรัฐบาล66:เปิดใจ เรืองไกร หุ้นพิธา กระทบก้าวไกล ลามสู่ขัดแย้ง?

04 มิถุนายน 2566

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ จุดประเด็นการตรวจสอบ การถือครองหุ้นไอทีวี 4.2หมื่นหุ้น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะส่งผลกระทบ พรรคก้าวไกล พิธา ขนาดไหน จะลามไปถึงเลือกตั้งซ่อมใหม่ทั่วประเทศ ชนวนเหตุความขัดแย้งหรือไม่ เรืองไกร สะท้อนมุมมอง แต่ละฉากทัศน์ ได้อย่างน่าสนใจ

‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ อดีตผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตรวจสอบ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ประเด็นการถือครองหุ้นไอทีวี จำกัด(มหาชน) 42000 หุ้น

การไปยื่นร้องเรียนต่างกรรม ต่างวาระ รวมแล้ว6สำนวนต่อกกต. พร้อมกับแนบเอกสาร หลักฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ข้อบังคับพรรคก้าวไกล ผลคำวินิจฉัยศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญในอดีต ที่เคยวินิจฉัย กรณีเทียบเคียง หรือ ใกล้เคียงกันของ พิธา  


การยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ ครอบคลุมไปทุกเรื่อง พุ่งเป้าไปทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็น คุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคของนายพิธา คุณสมบัติการเป็นส.ส.ตั้งแต่ปี2562 คุณสมบัติหัวหน้าพรรค คุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯของพรรคก้าวไกล การลงนามให้ สมาชิกพรรค ลงสมัครรับเลือกตั้งในปี2566 แต่ละเรื่องล้วนเชื่อมโยง เกี่ยวพันไปถึงทุกมิติ ที่อาจจะส่งผลกระทบมาถึงทั้ง พิธา พรรคก้าวไกล และว่าที่ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้เช่นกัน 

 

ทำให้เกิดความหวั่นเกรง ผลจากการพิจารณาในชั้น กกต. ที่ต้องส่งไม้ต่อไปให้ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยชี้ขาด พิธา จะเกิดในช่วงไหน และจะส่งผลกระทบทางการเมือง อะไรอย่างไรหรือไม่ 


พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ สมาชิกพรรคก้าวไกล แสดงความมั่นใจ ในการเตรียมข้อมูลในการต่อสู้คดี ไม่มีความกังวล 


ขณะที่ฝั่ง เรืองไกร ก็มั่นใจในข้อมูล เอกสาร หลักฐานต่างๆเช่นกัน 

 

โพสต์ทูเดย์ มีโอกาส เปิดใจ กับ เรืองไกร  ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง วิเคราะห์แต่ละฉากทัศน์ การเมือง นับจากนี้ได้อย่างน่าสนใจ

 

กกต.ได้เชิญไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นร้องเรียน พิธา 


กกต.เชิญไปให้ข้อมูล มีทั้งผม และคนที่ไปยื่นร้อง กกต.เชิญมาหมด ในส่วนของผม ได้นำคำร้องที่ร้องให้ตรวจสอบนายพิธา 6 คำร้องนำไปประกอบด้วย ได้ไปชี้แจง ให้ข้อมูลครบถ้วนกับ กกต.

 

ความคาดหวังผลแห่งคดี


ถ้าดูตามคำวินิจฉัยศาลฎีกา เคยมีคำวินิจฉัยปี2562 คงจะหลุดแน่นอน ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด มีผู้ไปยื่นขอให้ศาลตรวจสอบ12หรือ13คดี แต่รอดมา คนเดียว เมื่อมีคำวินิจฉัยนี้ที่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร จากนั้นในปี2563 นำมาสู้การร้อง ประเด็นการถือหุ้นสื่อ นักการเมืองทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล โดนร้องเหมือนกันหมด ศาลได้วางบรรทัดฐาน การประกอบกิจการสื่อ เป็นเหตุให้มีผลคำวินิจฉัย คุณธัญญ์วาริน (นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่) หลุดจากความเป็นส.ส.

และไม่เพียงแค่ที่ ศาลเคยมีคำวินิจฉัยในปี 2563 กกต.เลยยึดคำวินิจฉัยนี้  มาถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นในปี2564 ซึ่งมีประเด็นอยู่หลายกรณี จากการถือหุ้นไอทีวี 4.2หมื่นหุ้น ของนายพิธา ได้แกะเอกสารราชการ แกะข้อมูลบริษัทไอทีวี นำไปสู่การยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ 

 

คาดว่าผลคำวินิจฉัยของศาล จะออกมาก่อนการโหวตเลือกนายกฯ ประมาณ 3 ส.ค. หรือไม่ 


ตอนนี้กกต.ยังรับรองส.ส.ไม่ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ เพื่อทำให้เปิดประชุมสภาฯได้ เมื่อเปิดประชุมสภาฯก็ต้องไปเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเลือกประธานสภาฯไปแล้ว จากนั้น จะมีการประชุมร่วมรัฐสภา โหวตเลือก นายกรัฐมนตรี ตามความเห็น การวินิจฉัยน่าจะเกิดก่อน การประชุมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จากเอกสารที่กกต.เมื่อส่งไปให้ศาลวินิจฉัย เป็นดุลพินิจของศาลท่านว่า เมื่อรับแล้ว จะสั่งให้ ยุติปฏิบัติหน้าที่หรือไม่


ที่ผ่านมามีทั้ง สั่งให้หยุด กับ ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรมช.มหาดไทย ศาลไม่ได้สั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ แต่กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับ กรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ตอนนั้น ศาลสั่งให้ หยุดปฏิบัติหน้าที่ 


ส่วนกรณีนายพิธา จะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ คงเป็นดุลพินิจของศาลท่าน คาดว่า เรื่องนี้คงจะมีการพิจารณา ไม่ช้า 

 

มีการคาดการณ์ หากผลออกมาเป็นลบ อาจทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนนายพิธา พรรคก้าวไกล ไม่พอใจ ออกมาชุมนุม จนทำให้เกิดความขัดแย้งบานปลาย


คงไม่ คนที่เลือกนายพิธา พรรคก้าวไกล ตอนนั้นอาจเลือกเพราะ อยากเห็นอะไรใหม่ๆ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่อยากให้เป็นเหมือน9ปีที่ผ่านมา 

พวกที่อยู่หลังคีย์บอร์ด จะพูดอะไรก็ได้ การจะลงถนน ต้องขอและแจ้งวัตถุประสงค์การชุมนุม ถ้าไม่แจ้งเขาก็จับ พ่อแม่ ที่มีลูกเรียนหนังสือ คงไม่อยากให้ลูกออกมาชุมนุม ขออย่าไปปลุกปั่นมวลชนให้ออกมาเลย 


"ถ้าพลาดก็ยอมรับว่าพลาด ขอให้ดูตามพยานหลักฐานดีกว่า ถ้าพลาดก็ยอมรับว่าพลาดว่าผิดไปแล้ว หรือมีหลักฐาน พยานอะไร ก็สู้ไป แต่การจะมาโทษ คนที่มาร้อง ยื่นตรวจสอบ ไปรับงานใครมา รับจ๊อบมาเตะสกัด คงไม่ใช่ เหมือนกับการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เอาสีข้างถู ซึ่งไม่ควรอยู่ในการเมือง พรรคการเมืองคนรุ่นใหม่" 

 

ความหวั่นเกรงจาก อ.วิษณุ หากนายพิธาผิดตั้งแต่ ขาดคุณสมบัติตั้งแต่รับสมัครเลือกตั้ง การไปลงนามให้ส.ส.คนอื่น ลงสมัคร อาจลามไปถึงการเลือกตั้งซ่อมทั่วประเทศ

ยังไม่แน่ แต่ที่ร้องไป เป็นการร้องความเปิดเฉพาะบุคคล ไม่ได้กล่าวหาไปถึง การเลือกตั้งทั้งหมดว่า เลือกตั้งไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม เรากล่าวหาเฉพาะตัวว่า คนที่ไปเซ็นต์รับรอง ไม่ได้มีสถานะ เมื่อไม่มีสถานะขณะที่ไปเซ็นต์ ก็เลยมีเรื่องยุ่งยากเข้ามา เป็นเรื่องของเฉพาะตัว ไม่มีสถานะไปเซ็นต์ จึงมีความผิด แต่ข้อเท็จจริงจะออกมาอย่างไร อยู่ที่ศาลจะวินิจฉัยออกมา