"ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์"จากนักวิชาการสู่แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย
เส้นทางชีวิต “ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” จากครอบครัวการเมืองสู่เวทีวิชาการ ก่อนก้าวขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย พร้อมวิสัยทัศน์ยกเครื่องประเทศไทยสู้ศึกเลือกตั้ง 2569
KEY
POINTS
- นักวิชาการเทคโนโลยีที่เติบโตจากครอบครัวการเมืองระดับชาติ
- ประสบการณ์วิชาการและนโยบายรัฐ เป็นฐานสู่บทบาทผู้นำประเทศ
- วิสัยทัศน์ยกเครื่องเศรษฐกิจด้วย AI เทคโนโลยี และความเป็นธรรม
ชีวิตและรากฐานจากครอบครัวการเมืองไทย
ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ หรือ “เชน” เกิดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2522 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เติบโตในครอบครัวที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เป็นบุตรชายคนโตของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 26 และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต สส.เชียงใหม่ แกนนำกลุ่มวังบัวบาน
ครอบครัววงศ์สวัสดิ์เชื่อมโยงกับตระกูลชินวัตรอย่างแยกไม่ออก นางเยาวภาเป็นน้องสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นพี่สาวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก บริบทนี้ทำให้ชื่อของยศชนันถูกจับตามาตั้งแต่ก้าวแรกในพื้นที่สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม เส้นทางชีวิตของเขาไม่ได้เริ่มจากการเมืองโดยตรง หากแต่สะท้อนภาพคนรุ่นหนึ่งที่เติบโตจากครอบครัวข้าราชการ ย้ายถิ่น เรียนโรงเรียนประจำจังหวัด และได้รับการปลูกฝังว่าความรู้และความขยันคือเครื่องมือเปลี่ยนชีวิต
เส้นทางวิชาการ เทคโนโลยี และบทบาทสาธารณะ
ยศชนันเลือกเดินบนเส้นทางวิชาการอย่างจริงจัง จบปริญญาโทด้านวิศวกรรมไฟฟ้า และปริญญาเอกด้านคลื่นสมอง โดยทำดุษฎีนิพนธ์เกี่ยวกับการใช้สัญญาณสมองเพื่อช่วยเหลือผู้พิการ สะท้อนความสนใจด้านวิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิตมนุษย์
เขาเคยดำรงตำแหน่งอาจารย์ประจำภาควิชา Biomedical Engineering คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และก้าวขึ้นเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มีบทบาทผลักดันงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมในระดับประเทศ
ในทางการเมือง ยศชนันเคยลงสมัคร สส.เชียงใหม่ เขต 3 ในการเลือกตั้งปี 2557 และได้รับชัยชนะในพื้นที่ แต่ไม่สามารถเข้าสภาได้จากเหตุการณ์ชุมนุมและการรัฐประหาร ต่อมาในปี 2568 ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
วิสัยทัศน์แคนดิเดตนายกฯ กับภารกิจยกเครื่องประเทศ
บนเวทีเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ยศชนันสะท้อนบทเรียนจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 และบทบาทนโยบายยุคไทยรักไทย พร้อมชี้ว่าปี 2568–2569 ประเทศไทยเผชิญ “Perfect Storm” ทั้งเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ ภูมิอากาศ และเทคโนโลยี
เขามองว่าการเมืองที่เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีบ่อยครั้งเป็นข้อจำกัด แต่ยืนยันว่าหากเลือกปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและเทคโนโลยีอย่างจริงจัง ประเทศไทยยังมีโอกาสก้าวสู่ประเทศรายได้สูง โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ AI เป็นแกนหลัก
วิสัยทัศน์สำคัญคือการขับเคลื่อนประเทศ 3 ด้าน ได้แก่ ความมั่นคงรอบด้าน การฟื้นฟูหลักนิติธรรมผ่าน Digital Government และการวางโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียม ภายใต้แนวคิด “ไม่ใช่เพื่อพรรค แต่เพื่อประชาชน”


