ยึดหนังเสือโคร่ง-ตะกรุดชิ้นส่วนเสือลอบขนจากวัดหลวงตาบัว
เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯยึดหนังเสือโคร่ง-ตะกรุดทำจากอวัยวะเสือพร้อมเด็กวัด-พระสงฆ์ขณะลอบขนจากวัดหลวงตาบัว กาญจนบุรี
เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯยึดหนังเสือโคร่ง-ตะกรุดทำจากอวัยวะเสือพร้อมเด็กวัด-พระสงฆ์ขณะลอบขนจากวัดหลวงตาบัว กาญจนบุรี
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายอดิศร นุชดำรง รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับแจ้งจาก นายชาติชาย ศรีแผ้ว หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 ภาคกลาง ว่า เจ้าหน้าที่ที่ดูแลบริเวณประตูทางเข้าวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้เข้าตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยเป็นกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน สี่ประตู ขณะกำลังจะขับออกจากประตูหน้าวัด
จากการตรวจค้นพบย่ามพระวางอยู่กับพื้นนั่งด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงเปิดออกมาดูพบว่า ภายในย่ามมีซากหนังเสือ จำนวน 2 ซาก รวมทั้งพบตะกรุดที่ทำจากหนังเสืออีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงนำของกลางทั้งหมดออกมาตรวจสอบ โดย นายอดิศร ได้เดินทางมาสอบปากคำคนขับและผู้โดยสารรวม 2 คน คือ นายเนตร กุลเรืองไกล อายุ 42 ปี และนายก้องเกียรติ จันเพ็ง อายุ 37 ปี
สำหรับของกลางที่ตรวจยึดเอาไว้ได้ ประกอบด้วย 1.หนังเสือ 2 ผืนใหญ่ (ตัว) 2.ตะกรุดหนังเสือ 1,045 ชิ้น 3.เขี้ยวเสือ 9 เขี้ยว 4.หนังเสือชิ้น 33 ชิ้น (ขนาดเล็ก) 5.เหรียญหลวงตาบัว 65 เหรียญ 6.เหรียญหลวงตาจันทร์ 13 เหรียญ 7.ตะกรุดเขี้ยวเสือ 2 ดอก
เบื้องต้นทั้งสองให้การว่าพระลูกวัดใช้ขับรถขนสิ่งของดังกล่าวออกไปนอกวัด โดยไม่ทราบว่าจะให้เอาไปไว้ที่ไหน แต่เพราะพวกตนเป็นคนงานในวัดจึงยอมทำตาม ซึ่งก็ทราบดีว่าสิ่งของดังกล่าวนั้นผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่ นายอดิศร กำลังซักถามบุคคลทั้ง 2 อยู่นั้น ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า กำลังที่เข้าไปตรวจค้นกุฏิของพระสุทธิสารเถร หรือ หลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดฯ และประธานมูลนิธิวัดป่าฯ พบหัวกระทิง รวมทั้งเขี้ยวเสือ ตะกรุด และจี้ลักษณะเดียวกันกับที่ตรวจยึดเอาไว้ได้อีกจำนวนหนึ่ง โดยมีพระลูกวัดอยู่ภายในกุฏิ
จากนั้นมีพนักงานผู้เลี้ยงดูเสือโคร่งได้มาพบเจ้าหน้าที่ และแจ้งว่า ภายในบ้านพักคนงานมีซากลูกเสือโคร่งดองเอาไว้ในโหลอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงรีบไปตรวจสอบ พบว่ามีอยู่จริง นับรวมกันได้จำนวน 30 ซาก จึงมอบหมายให้คณะสัตวแพทย์นำซากจำนวนดังกล่าวไปพิสูจน์
นอกจากนี้คณะเจ้าหน้าที่ยังได้นำกำลังเข้าไปตรวจค้นบริเวณอาคารพักของพระสงฆ์ที่ก่อสร้างด้วยปูน มีลักษณะคล้ายถ้ำ ภายในมีรถตู้เบนซ์ จำนวน 1 คัน จอดอยู่โดยใช้ผ้าใบคลุมเอาไว้อย่างมิดชิด ส่วนผนังอาคารทำเป็นชั้นวางของ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบเขี้ยวเสือ ตะกรุด รวมทั้งจี้อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้คณะเจ้าหน้าที่ได้หยุดภารกิจการตรวจค้นเนื่องจากฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก และจะทำการปูพรมตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมายที่มีอยู่อีกครั้งหนึ่ง
สำหรับซากลูกเสือ จะได้นำไปผ่าพิสูจน์ซากทุกตัวเพื่อหาสาเหตุของการตาย และเก็บตัวอย่างจากซากลูกเสือทั้งหมด เพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอ มาเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอ ของเสือของกลางที่มีทั้งหมด 147 ตัว ว่าจะมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จึงจะทราบผล ขณะเดียวกันนายอดิศร ได้มอบหมายให้นิติกรกรมอุทยานฯหารือกับพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อดำเนินการทางด้านกฎหมายกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ภาพจาก www.facebook.com/siwaporn.tee


