สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี
สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี หรือที่ชาวบ้านออกพระนามว่า “สมเด็จพระนางเรือล่ม”
สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี หรือที่ชาวบ้านออกพระนามว่า “สมเด็จพระนางเรือล่ม”
โดย..วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
นั้น มีพระนามเดิมว่า “พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์” เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา ประสูติวันที่ 10 พ.ย. 2403 เป็นพระเจ้าลูกเธอลำดับที่ 50 ในจำนวนทั้งหมด 82 พระองค์ ทรงเข้ารับราชการฝ่ายในเป็นพระภรรยาเจ้าในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระขนิษฐาร่วมพระโสทร 2 พระองค์ คือ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา และพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี ซึ่งดำรงพระอิสริยยศเป็น “พระนางเธอ” ทุกพระองค์
พระนางเธอพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ มีพระอุปนิสัยแข็งแกร่งเด็ดขาด แต่ด้วยพระสิริโฉม รวมทั้งพระอัธยาศัยที่สุภาพ เรียบร้อย และสงบเสงี่ยม ทำให้พระองค์เป็นที่นิยมนับถือในบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนางข้าราชการใหญ่น้อย และข้าราชบริพารทั้งหลาย และทรงเป็นที่สนิทเสน่หาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างยิ่ง ทรงเคร่งครัดในระเบียบแบบแผนเด็ดขาดในการปกครองพระกนิษฐาภคินีองค์น้อย แม้จะเจริญพระชันษาและได้รับราชการร่วมกันแล้วก็ยังต้องทรงเกรงกลัว แต่กับพระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรีนั้นทรงรักใคร่สนิทสนมกันมาก เพราะพระชันษาไล่เลี่ยกันและมีพระอุปนิสัยคล้ายคลึงกัน
จากเอกสารต่างประเทศได้บันทึกไว้ว่า พระนางเธอพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ตรัสภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว ฉะฉาน และทรงกล้าที่จะเข้าสังคม ซึ่งต่างไปจากบุคลิกลักษณะของฝ่ายในโดยมากในขณะนั้น ทำให้สามารถทรงแบ่งเบาพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการต้อนรับขับสู้ชาวต่างประเทศเมื่อทรงออกมหาสมาคมขณะที่ดำรงตำแหน่งพระนางเธอ หรือพระภรรยาเจ้าอย่างสมพระเกียรติ ดังจะเห็นได้จากบันทึกของนายพลแกนด์ อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ที่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปี 2422 มีความตอนหนึ่งว่า “เมื่อข้าพเจ้าได้เข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวนั้น ภรรยาของข้าพเจ้าก็ได้รับการต้อนรับและสนทนาวิสาสะอย่างอบอุ่นเป็นกันเองจากพระราชินี...”
ในวันที่ 12 ส.ค. 2421 พระนางเธอพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ประสูติการพระราชธิดาพระองค์แรก และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้มีพระตำหนิเด่นชัดคือ มีติ่งที่พระกรรณข้างขวามาแต่แรกประสูติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานพระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ โสภางคทัศนียลักษณ์ อัครราชกุมารี”
ต่อมาในวันที่ 31 พ.ค. 2423 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการให้แต่งเรือพระที่นั่งเพื่อเสด็จประพาสบางปะอิน พร้อมมเหสีทุกพระองค์ รวมทั้งเจ้าจอมมารดา เจ้าจอม และข้าราชบริพาร โดยก่อนวันเสด็จพระราชดำเนิน พระนางเธอพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ทรงพระสุบินว่า พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ฯ ทรงพระดำเนินข้ามสะพานแห่งหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ทรงพลัดตกน้ำลงไป พระองค์สามารถคว้าพระหัตถ์เอาไว้ได้ แต่พระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ก็ลื่นหลุดจากพระหัตถ์ของพระองค์ไป พระองค์ทรงคว้าพระหัตถ์ของพระเจ้าลูกเธอฯ จนตกลงไปในน้ำด้วยกันทั้งสองพระองค์ ถึงแม้ว่าจะทำให้ทรงหวั่นพระทัยในพระสุบิน แต่ก็มิได้ทรงกราบบังคมทูลให้พระราชสวามีทรงทราบ และได้ตามเสด็จประพาสพระราชวังบางปะอินตามพระราชประสงค์
โดยในวันเสด็จพระราชดำเนินนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เคลื่อนขบวนเรือต่างๆ ออกไปก่อนในเวลาประมาณ 2 โมงเช้า โดยพระนางเธอพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ประทับบนเรือเก๋งกุดั่น โดยมีเรือปานมารุตเป็นเรือกลไฟจูงเรือพระประเทียบ หลังจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสร็จพระราชกิจแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินด้วยเรือพระที่นั่งโสภาณภควดีตามไป เมื่อขบวนเรือพระที่นั่งไปถึงบางตลาดนั้น จมื่นทิพเสนากับปลัดวังซ้ายลงมากราบบังคมทูลว่า “เรือพระที่นั่งที่พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งเรือปานมารุตจูงไปนั้นล่มที่บางพูด องค์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ฯ และพระชนนีสิ้นพระชนม์”
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงไล่เลียงกรมหมื่นอดิศรอุดมเดชพระยามหามนตรี และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ทุกคนก็ให้การวกวนสับสนพูดไปคนละทางสองทาง ในที่สุดจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ “เจ้านาย” ไปไล่เลียงคนอื่นๆ ดูจึงได้ความกระจ่าง ทั้งยังได้ความด้วยว่า พระนางเธอพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ได้สิ้นพระชนม์พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ และพระราชบุตรในพระครรภ์ ซึ่งมีพระชนม์ 5 เดือนเต็มด้วย ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสียพระราชหฤทัยยิ่งนัก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพของพระนางเธอพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และพระราชธิดา ณ หอธรรมสังเวช ภายในพระบรมมหาราชวัง โปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศทองใหญ่ ซึ่งเป็นพระโกศสำหรับทรงพระศพของพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระอัครมเหสี และพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ ให้ทรงพระศพพระนางเธอพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ถือเป็นการพระราชทานพระเกียรติยศแก่พระนางเธอพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นก็ได้จัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพทั้งสองพระองค์ขึ้น ณ กลางทุ่งพระเมรุ (เมรุท้องสนามหลวง) เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2424 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงในวันที่ 16 มี.ค. 2424 ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์หนังสือสวดมนต์รวบรวมพระสูตร และพระปริตต่างๆ สำหรับพระราชทานแก่อารามต่างๆ เป็นพระราชกุศลในวันพระราชทานเพลิงพระศพ นับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดพิมพ์หนังสือแจกในงานศพ ซึ่งยังเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาถึงปัจจุบันนี้
พระนางเธอพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ในปี 2423
ภายหลังเมื่อสวรรคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการแบ่งพระราชทรัพย์มรดกของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ในพระบรมโกศแก่บรรดาพระญาติของพระนางเอง โดยพระราชทานเครื่องยศสำหรับผู้หญิงให้แก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพหุรัตมณีมัย พระราชธิดาที่ประสูติแต่พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระราชเทวี (พระยศในขณะนั้น) ซึ่งเป็นพระนัดดาอันสนิทที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ ในพระบรมโกศทรงเลี้ยงดูมา ส่วนสิ่งของอื่นๆ นั้น ทรงแบ่งพระราชทานให้แก่พระเชษฐา พระขนิษฐา พระอนุชา และพระนัดดา ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ในพระบรมโกศทุกพระองค์
ส่วนพระราชานุสรณ์เพื่อเป็นที่ระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์นั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลือกสถานที่ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เคยตามเสด็จฯ และทรงโปรดปรานเป็นพิเศษ เช่น พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ณ น้ำตกพลิ้ว จ.จันทบุรี ภายในบรรจุพระสรีรางคาร (เถ้ากระดูก) สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ไว้ พร้อมคำจารึกโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า “ทำเป็นรูปอื่นอาจไม่คงทนถาวร เพราะตั้งอยู่กลางป่าเขาลำเนาไพรอันไม่มีผู้ดูแล ฉะนั้น เมื่อปิรามิดของอียิปต์ยืนยงคงทนอยู่ได้ฉันใด ปิรามิดน้อยนี้ก็จะยืนยงคงทนอยู่เช่นนั้น ณ ท่ามกลางป่าเขาและเสียงไหลรินของธารพลิ้ว”
พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ณ สวนสราญรมย์ ภายในบรรจุพระสรีรางคารของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พร้อมด้วยคำจารึกแสดงความทุกข์โทมนัสของพระราชสวามีบนแผ่นหินอ่อน
พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัต พระบรมราชเทวี ณ พระราชวังบางปะอิน ภายในบรรจุพระสรีรางคารของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี สร้างด้วยหินอ่อนประเทศอิตาลี เป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่ติดตาตรึงใจของผู้คนอยู่จนปัจจุบัน
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสถานศึกษาสำหรับสตรีเพื่ออุทิศพระราชกุศลพระราชทานแก่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ณ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาปากคลองตลาด และพระราชทานนามว่า “โรงเรียนสุนันทาลัย” โดยเปิดการสอนในปี 2435 ปัจจุบันบริเวณที่ตั้งโรงเรียนสุนันทาลัยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนราชินี นอกจากนี้ ยังมีสวนสุนันทา พระราชวังดุสิต ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาเป็นอนุสรณ์ด้วย


