posttoday

"ปิยบุตร"เรียกร้อง 250 ส.ว.พิสูจน์ตัวเองลบคำปรามาศ

14 พฤษภาคม 2562

"ปิยบุตร" ชี้กระบวนการได้มาของส.ว.ชุดล่าสุดเป็นการ "ผลัดกันเกาหลัง" ชี้ 250 สว.พิสูจน์ตัวเองลบคำปรามาศเป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจ

"ปิยบุตร" ชี้กระบวนการได้มาของส.ว.ชุดล่าสุดเป็นการ "ผลัดกันเกาหลัง" ชี้ 250 สว.พิสูจน์ตัวเองลบคำปรามาศเป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจ

เมื่อวันที่ 14 พ.ค.62 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวข้อสังเกตต่อรายชื่อสมาชิกวุฒิสภาที่เพิ่งมีการเปิดเผยออกมาวันนี้ พร้อมข้อเรียกร้องถึง ส.ว.ทั้ง 250 คน

โดยนายปิยบุตรได้เกริ่นเปิดถึงความเป็นมาของ ส.ว.ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยชี้ให้เห็นว่าในอดีตที่ผ่านมา ส.ว.ส่วนใหญ่มีที่มามาจากการแต่งตั้ง และเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนการต่อสู้ช่วงชิงกันระหว่างฝ่ายที่มาจากการเลือกตั้งและฝ่ายที่มาจากการแต่งตั้งเสมอมา จนมามาในรอบนี้ รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้ ส.ว.มาจากการแต่งตั้งของ คสช. และเป็นที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวุฒิสภาชุดนี้ถูกสร้างชึเนมาเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการสืบทอดอำนาจของ คสช.

นายปิยบุตรยังชี้ต่อไปว่าหากตามรอยย้อนไปเมื่อครั้งมีการร่างรัฐธรรมนูญ จะเห็นได้ว่ากระบวนการเกิดขึ้นของ สว.เต็มไปด้วยความวกวน มีการสอดแทรกคำถามพ่วงเข้ามาในช่วงไม่กี่เดือนก่อนการลงประชามติ จนเมื่อรัฐธรรมนูญผ่านการลงประชามติ กระบวนการคัดเลือก ส.ว.ก็เป็นไปอย่างมีลับลมคมใน

นายปิยบุตรกล่างต่อว่าดังนั้น ตนจึงขอเรียกกระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว.กลุ่มนี้ว่าเป็นกระบวนการ “ผลัดกันเกาหลัง” ดังจะเห็นได้ว่า ส.ว.มีที่มาจากสามทาง เสียเงินไป 1,300 ล้านบาทเพื่อการแต่งหน้าทาปาก สรรหาให้ดูเหมือนว่ามาจากประชาชน แต่ประชาชนกลับไม่เคยได้เห็นชื่อเลย ได้ยินแต่ข่าวแว่วๆว่าจะมีใครบ้าง โดยกรรมการสรรหาก็คือ คสช. แล้วคนกลุ่มนี้ก็มีอำนาจที่จะกลับมายกมือเลือก คสช.ได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง

นายปิยบุตรยังได้แจกแจงให้เห็นว่าองค์ประกอบของ ส.ว.กลุ่มนี้ มีนายทหาร 93 คน ตำรวจ 14 คน พรรคพวกเก่า 39 คนและอื่นๆอีก 104 คน โดยบางส่วนของคนที่ได้เป็น ส.ว.ในรอบนี้ เป็นสมาชิก สนช.มาตั้งแต่ปี 2549 และยังได้กลับมาเป็น สว.ตามรัฐธรรมนูญ 2550 ได้เป็นสมาชิก สนช.ต่อหลังปี 2557 และยังได้มาเป็น สว.อีกในรอบนี้

นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นอีกว่าประชาชน 51 ล้านคนได้เลือก ส.ส. 500 คน แต่ พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียวเลือก ส.ว.ได้ถึง 250 คน คิดเป็นน้ำหนักคะแนนเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียวเท่ากับประชาชน 17,763,500 เสียง ดังนั้น ที่ระบุในรัฐธรรมนูญไว้ว่า ส.ว.ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ก็ต้องถามว่าปวงชนชาวไทยไปเลือกมาตอนไหน ต้องเรียกว่าเป็นผู้แทนของ คสช.ต่างหาก เพราะ คสช.คัดมากับมือ

นายปิยบุตรระบุต่อว่าดังนั้น ประเด็นที่สำคัญจึงอยู่ที่ว่าในเมื่อ สว.มาจากการเลือกของ คสช. และสุดท้ายมีการใช้อำนาจเพื่อยกมือโหวตให้กับ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายก ก็อาจจะเข้าข่ายเป็นการอยู่ภายใต้อาณัติหรือความครอบงำของบุคคลอื่น หรือเป็นการขัดกันของผลประโยชน์ ตามลักษณะทางจริยธรรมของ ส.ส.และ ส.ว.ตามมาตรา 114 ของรัฐธรรมนูญได้

นายปิยบุตรกล่าวต่อว่าดังนั้น แม้ว่า ส.ว.จะมาจากการแต่งตั้งของ คสช. แต่ ส.ว.ก็สามารถเลือกได้ว่าจะใช้อำนาจที่ตนได้รับมานี้อย่างไร เพื่อพิสูจน์ตนเองให้ประชาชนเห็นว่าพวกตนเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง ไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของใครและไม่มีการขัดกันแห่งผลประโยชน์ แม้ว่ารายชื่อที่ออกมาจะไม่ผิดความคาดหมายและเป็นที่รู้กันว่า ส.ว.ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจะเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจของ คสช. แต่ตนยังอยากมองในอีกมุมหนึ่ง ว่า ส.ว.เองก็สามารถเลือกที่จะพิสูจน์ตนเองได้ เพื่อทำให้ทุกคนเห็นว่าพวกตนไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนปรามาศไว้

“วุฒิสภาชุดนี้จึงเป็นวุฒิสภาที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นกลไกการสืบทอดอำนาจของ คสช. ใช้งบประมาณแผ่นดินไปจำนวนมหาศาล เพื่อแต่งหน้าทาปากให้ดูเหมือนไม่ได้มาจาก คสช. แต่ที่จริงแล้วล้วนมาจากการผลัดกันเกาหลังระหว่าง คสช.กับพวกพ้อง เป็นความอุกอาจและท้าทายอำนาจประชาชนมาก หลังจากนี้ขอให้ทุกคนรอดูผลงานในวันที่จะเลือกนายกรัฐมนตรี ว่าคนเหล่านี้จะเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ผมขอเรียกร้องไปยัง ส.ว.ทั้ง 250 คน ว่าควรต้องมีความอายกันบ้าง เคารพประชาชนบ้าง วันนี้คุณได้เป็น สว.แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถกดดันคุณได้อีกแล้ว วันนี้ทุกคนปรามาศคุณเต็มไปหมด ว่าคุณคือคนของ คสช. ผมขอเรียกร้องให้พวกคุณพิสูจน์ให้สาธารณชนเห็น ว่าคุณไม่ใช่เครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ พิสูจน์ความเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย พิสูจน์ว่าคุณไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของ คสช.และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับ คสช.”นายปิยบุตรกล่าว