posttoday

เดินหน้าเลือกตั้ง ปิดทางปฏิวัติ

13 กุมภาพันธ์ 2562

กระแสข่าวปฏิวัติซ้อนกลับมาเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองอีกครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์       

กระแสข่าวปฏิวัติซ้อนกลับมาเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองอีกครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จังหวะใกล้เคียงกับมีประเด็นเรื่องการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ และล่าสุดทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอให้รัฐสภาพิจารณาแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่รวมถึงพระนามของ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ซึ่งได้รับการเสนอโดยพรรคไทยรักษาชาติ

ตามเหตุผลที่ กกต.อธิบายโดยอ้างอิงตามพระราชโองการ ประกาศสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 8 ก.พ. 2562 ประกอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย 2560 พระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ทรงอยู่ในหลักการ เกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ด้วย และไม่สามารถดำรง ตำแหน่งใดๆ ในทางการเมืองได้ เพราะจะเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาชี้แจงปฏิเสธข่าวเรื่องปฏิวัติซ้อนและสั่งการให้ติดตามหาตัวผู้กระทำผิด และระบุว่าต้องแก้ปัญหาเรื่องของ ข่าวลือและข่าวเท็จ ข่าวปลอมที่มีมากมาย โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายมาก

"ไม่ทราบเหตุผลว่ามีการปล่อยข่าวปลอมเพราะอะไร เช่น การปล่อยข่าวว่ามีการปลดผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย หากเป็นความจริง ผมจะต้องแจ้งอยู่แล้วเรื่องการโยกย้ายหรือออกคำสั่งจะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ไม่สามารถใช้ ม.44 แต่งตั้งหรือปลดใครได้ทุกตำแหน่ง เพราะจะใช้ ม.44 เฉพาะคนที่มีปัญหาเท่านั้น ที่แล้วมาผมก็ไม่เคยมีปัญหากับใครทั้งสิ้น"

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังออกมายืนยันถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นของกองทัพในเวลานี้ เพราะความสัมพันธ์ดีมาตลอด เป็นพี่น้องกันมาตั้งนานแล้วหลายสิบปี ถือเป็นภาระความผูกพัน ถ้าทุกคนต่างทำความดีก็ต้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน

ไม่ต่างจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ซึ่งออกมาปฏิเสธถึง ข่าวลือเรื่องการรัฐประหารซ้อน โดยปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าใครอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง หรือได้ประโยชน์จากการปล่อยข่าวลือในครั้งนี้

ส่วนหนึ่งของที่มาอาจมาจากการเคลื่อนย้ายยานพาหนะทางทหาร หรือยุทโธปกรณ์เพื่อเข้ามาทำการฝึก ซึ่ง พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ออกมาชี้แจงว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนย้ายเพื่อการฝึก ตั้งแต่วันที่ 1-21 ก.พ. 2562

ขณะที่อีกส่วนหนึ่งถูกมองว่าเป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานี้กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญก่อนถึงการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 ซึ่งเต็มไปด้วยความผันผวนจนในช่วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงขั้นเป็นห่วงว่าการเลือกตั้งอาจมีเหตุให้ต้องเลื่อนออกไปอีกหรือไม่

ยิ่งในบรรยากาศที่หลายฝ่ายประเมินว่า ผลการเลือกตั้งที่จะออกมานั้น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการ ผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 2 ในวันที่คะแนนนิยมของฝั่งเพื่อไทยและพรรคพันธมิตรกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ชวนให้คิดว่ากระแสข่าวปฏิวัติซ้อนที่ออกมานอกจากจะเพื่อสยบความ ปั่นป่วนทางการเมืองที่เกิดขึ้นแล้ว อาจถูกมองว่าเป็นปฏิบัติการกระชับอำนาจจากฝั่งของกองทัพไม่ให้เปลี่ยนมือไปอยู่ฝั่งตรงข้ามหลังการเลือกตั้งหลังจากที่ทุกอย่างอาจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้

แน่นอนว่าการปฏิวัติไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ในจังหวะเวลาเช่นนี้ ซึ่งกองทัพมีความความเป็นเอกภาพเหนียวแน่น และสอดประสานไปกับ คสช. เว้นเสียแต่ว่าเป็นการปฏิวัติซ้อนด้วยเหตุผลเรื่องของอำนาจและการเมือง ซึ่งต้องแลกมาด้วยต้นทุนเรื่องความเชื่อมั่นทั้งในและนอกประเทศ อันจะตามมาด้วยแรงเสียดทานอีกมากมาย

กระแสข่าวที่ออกมาจึงถูกมองว่า เป็นได้ทั้งเห็นสัญญาณหรือการขยับภายในกองทัพ หรือเป็นยุทธศาสตร์ดักคอเพื่อกระตุ้นให้สังคมออกมาจับตาและป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารซ้อนที่จะซ้ำเติมความเสียหายต่อสังคมอย่างรุนแรงต่อไป

ระหว่างนี้จึงเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหาตัวคนกระทำผิดมาขยายผลเพื่อหาเบื้องหน้าเบื้องหลังของเรื่องนี้ สร้างความกระจ่างให้เกิดขึ้น

ในขณะที่ทุกอย่างต้องเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะจะเป็นทางเดียวที่จะพาประเทศกลับไปสู่สถานการณ์ปกติ และยับยั้งไม่ให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายไม่ว่าจากฝ่ายใด โดยปล่อยให้เสียงของประชาชนเป็นคนตัดสินและเลือกผู้บริหารใหม่ว่าจะมาจากพรรคใดหรือฝั่งใด

ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการร้องเรียนที่จะ นำไปสู่การยุบพรรค ก็ต้องปล่อยให้ เป็นไปตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนด โดยไม่มีผลไปกระทบไปถึงการเลือกตั้ง ที่ยังต้องเดินหน้าต่อไป โดยที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศอันดีให้เกิดขึ้น