posttoday

จัดหนัก-แจกจริง 'บิ๊กตู่'พร้อมเลือกตั้ง

22 พฤศจิกายน 2561

กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ขึ้น มาทันที หลังครม.ออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้วยเม็ดเงินแสนล้านบาทภายในวันเดียว

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ขึ้น มาทันที ภายหลังคณะรัฐมนตรีออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้วยเม็ดเงินแสนล้านบาทภายในวันเดียว

1.ช่วยค่าไฟฟ้าไม่เกิน 230 บาท/ครัวเรือน/เดือน และค่าน้ำประปา 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน เริ่มเดือน ธ.ค. 2561-ก.ย. 2562 จำนวน 8.2 ล้าน ครัวเรือน ใช้เงิน 2.7 หมื่นล้านบาท

2.เติมเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการประชารัฐ 14.5 ล้านคน คนละ 500 บาท วงเงิน 7,250 ล้านบาท

3.ช่วยค่าเดินทางไปโรงพยาบาล ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้น้อย 3.5 ล้านคน จำนวน 1,000 บาท วงเงิน 3,500 ล้านบาท

4.มาตรการสนับสนุนค่าเช่าบ้าน ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 400 บาท/เดือน วงเงิน 920 ล้านบาท

5.มาตรการช่วยเหลือข้าราชการเกษียณที่รับบำนาญ 2 มาตรการ คือ ให้ข้าราชการบำนาญสามารถนำบำเหน็จตกทอด 30 เท่าของเงินเดือน มาใช้เป็นบำเหน็จดำรงชีพได้เป็นครั้งที่ 3 รวม 2 หมื่นล้านบาท และเติมเงินข้าราชการบำนาญที่ได้บำเหน็จต่ำกว่าเดือนละ 1 หมื่นบาท ให้เป็น 1 หมื่นบาท ใช้เงิน 558 ล้านบาท

6.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำโครงการบ้านล้านหลัง วงเงิน 6 หมื่นล้านบาท

การใช้อำนาจทางบริหารของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แทบไม่ต่างอะไรกับรอยเท้ารัฐบาลของนักการเมืองที่กำลังจะลงเลือกตั้ง

ย้อนกลับไปสมัยรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ๆ ก็ออกนโยบายเช็คช่วยชาติ และพอใกล้จะหมดสมัยก็สร้างโครงการไทยเข้มแข็ง หว่านโครงการลงไปในพื้นที่ด้วยเม็ดเงินเป็นแสนล้านบาทเช่นกัน

หรือสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ก็ใช้นโยบายประชานิยม  ทั้งรถคันแรก หรือจำนำข้าว เพื่อ หมัดใจประชาชนและสร้างฐาน เสียงทางการเมืองไม่ต่างกัน

ไม่ว่ารัฐบาลไหนจะเรียกนโยบายของตัวเองว่าอะไร แต่สุดท้ายการดำเนินการก็เหมือนกัน คือ นโยบายประชานิยม ซึ่งหวังผลในทางการเมือง

"ไม่อยากให้สื่อเขียนว่ารัฐบาลนี้แจกๆ เพื่อการเมือง เพราะทุกอย่างกว่าจะออกมาได้มันต้องดูกฎหมาย  ดูวิธีการ ดูงบประมาณ ก็พยายามเร่ง สปีดให้เต็มที่ พอดีออกมาในช่วงนี้ อย่าหาว่าเป็นเรื่องการเมืองไปทั้งหมดเลย" พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง แต่ภายใต้เม็ดเงินกว่าแสนล้านบาทนั้นได้มีสัญญาณหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงออกมาแล้วว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามกำหนดเดิม คือ วันที่ 24 ก.พ. 2562 ค่อนข้างแน่นอน จากเดิมที่หลายฝ่ายกังวลว่าการมีคำสั่ง คสช.ในการแบ่งเขตเลือกตั้ง จะมีผลให้การเลือกตั้งต้องถูกเลื่อนออกไป

อย่างไรก็ตาม ความแน่นอนของการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนั้นไม่ได้มาจากปัจจัยในเรื่องการออกนโยบาย ลด แลก แจก แถมของรัฐบาลเท่านั้น  แต่พรรคการเมืองจำนวนไม่น้อยก็มีความพร้อมกับการเลือกตั้งครั้งนี้ในระดับหนึ่งด้วย

สิ่งที่ยืนยันได้ถึงความพร้อมของพรรคการเมืองประการหนึ่งเห็นได้จากการที่แต่ละพรรคมีนักการเมืองหน้าเก่าหน้าใหม่ทยอยเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคจำนวนมาก ในช่วงที่ใกล้เส้นตายวันที่ 26 พ.ย.

ความพร้อมของพรรคการเมืองส่วนใหญ่ถึงขนาดที่ว่ามีผู้สมัครครบตามจำนวนเขตเลือกตั้งที่ กกต.เคยประกาศออกมาก่อนหน้านี้แล้วว่าแต่ละจังหวัดจะมี สส.ได้กี่คน แต่ติดตรงที่ยังไม่สามารถจัดสรรให้ลงตามเขตเลือกตั้งได้ เนื่องจาก กกต.ยังไม่ได้ประกาศเส้นแบ่งเขตเลือกตั้งออกมา

ถึงจะมีพรรคการเมืองเล็กบางพรรคออกอาการงอแงไปบ้าง ว่าไม่พร้อมกับการเลือกตั้งและขอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน แต่ที่สุดแล้ว คสช.และ กกต.คงไม่รับข้อเสนอนี้ไว้พิจารณา

อย่างไรก็ตาม เหนืออื่นใดแล้วเป็นส่วนหนึ่งของ คสช.และรัฐบาลต่างหากที่มองเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่การเลือกตั้งควรจะเกิดขึ้น

ถ้าให้ไปถาม คสช.เวลานี้ว่ามั่นใจจะชนะพรรคเพื่อไทยหรือไทยรักษาชาติหรือไม่ คำตอบที่ได้อาจจะเป็นในลักษณะที่ว่ามีความมั่นใจประมาณ 50-60% แต่ครั้นจะให้ยื้อการเลือกตั้งออกไปอีก น่าจะทำให้ คสช.รวมไปถึงพรรคพลังประชารัฐมีแต่เสียกับเสียมากขึ้น

ต้องยอมรับกระแสความนิยม คสช.หรือ พล.อ.ประยุทธ์ ณ เวลานี้  ไม่ดีและพรั่งพรูเหมือนในอดีต ด้วยเหตุนี้รัฐบาลเองก็มีการบริหารงานที่ ไม่เข้าเป้ามากนัก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

จึงไม่แปลก เมื่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ตรงเป้าจนคนส่วนใหญ่รู้สึกไม่ชอบผลงานของ คสช. กลายเป็นที่มาที่ทำให้รัฐบาลต้องออกแคมเปญเพื่อเอาใจประชาชนด้วยเม็ดเงินกว่าแสนล้านบาท เพื่อให้ประชาชนหันมาสนใจกับผลงานของ คสช.บ้าง

ความได้เปรียบของ คสช.มีอยู่เหนือพรรคการเมืองทุกประตูก็จริง เพราะไม่ได้เป็นรัฐบาลรักษาการเหมือนรัฐบาลก่อนๆ ทำให้สามารถใช้อำนาจเพื่อออกมาตรการเอาใจประชาชนได้ เพียงแต่การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ประชาชนจำนวนมากกำลังรอคอย หาก คสช.ปล่อยให้เนิ่นนานออกไป แน่นอนว่าโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งย่อมมีน้อยขึ้นไปอีก

ดังนั้น เมื่อความได้เปรียบของรัฐบาลและ คสช.มีเวลาจำกัด จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปล่อยให้การเมืองเดินไปตามวิถีทาง เพื่อให้ตัวเองมีลุ้นกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง