posttoday

ยื้ออำนาจสุดซอย คุมเกมเลือกตั้ง

12 พฤศจิกายน 2561

หากโซ่ตรวนที่ล็อกพรรคการเมืองได้รับการปลดล็อกเมื่อไหร่ คสช.และรัฐบาลจะกลายเป็นเป้าโจมตีผ่านนโยบายหาเสียง

หากโซ่ตรวนที่ล็อกพรรคการเมืองได้รับการปลดล็อกเมื่อไหร่ คสช.และรัฐบาลจะกลายเป็นเป้าโจมตีผ่านนโยบายหาเสียง

********************************

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ชัดเจนเสียทีสำหรับการเลือกตั้งของประเทศไทยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ภายหลังรัฐบาลประกาศอย่างเป็นทางการว่าวันที่ 24 ก.พ. 2562 จะเป็นวันที่คนไทยในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้งเดินเข้าคูหาลงคะแนนเพื่อเลือกตัวแทนปวงชนชาวไทยกันสักที

กรอบเวลาเกี่ยวกับการเลือกตั้งส่วนใหญ่กระจุกอยู่ที่เดือน ธ.ค. และ ม.ค. 2562 เป็นหลัก

11 ธ.ค.วันแรกในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ซึ่งจะเป็นวันแรกของการนับหนึ่งในการกำหนดวันเลือกตั้งว่าจะต้องเกิดขึ้นภายใน 150 วัน หมายความว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นอย่างช้าสุดในวันที่ 9 พ.ค. 2562

ตามด้วยการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง สส. และการปลดล็อกคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การกำหนดวันรับสมัครเลือกตั้ง สส.ที่จะเป็นการกำหนดให้พรรคการเมืองต้องมีรายชื่อบุคคลที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 3 คน

เบ็ดเสร็จทั้งหมด ประเทศไทยจะมีรัฐบาลใหม่และนายกรัฐมนตรีที่มาจากประชาชนในช่วงเดือน มิ.ย. 2562

เรียกได้ว่านับถอยหลังอีก 8 เดือน ในการเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม 8 เดือนนับจากนี้ไปน่าจะเป็นช่วงเวลาที่การเมืองจะเกิดเหตุการณ์สำคัญอีกไม่น้อย โดยเฉพาะการที่รัฐบาลประกาศตัวออกมาแล้วว่าตัวเองไม่ได้เป็นรัฐบาลรักษาการ แต่ยังเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจสมบูรณ์เหมือนกับวันที่เข้ามาบริหารประเทศด้วยการรัฐประหาร

“รัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ เว้นแต่จะมีเหตุใดเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้องพ้นไป เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ คสช.และรัฐบาลนี้อยู่แบบมีอำนาจเต็มต่อไปจนกว่ารัฐบาลชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนรับหน้าที่

ส่วนการปฏิบัติตัวของ ครม.ต้องแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.รัฐมนตรี 4 คน ที่ไปเกี่ยวข้องกับการทำงานในฐานะพรรคการเมือง แม้ไม่มีความเสียหายเรื่องของกฎหมาย แต่ต้องดูเรื่องมารยาท 2.นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเหมือนที่ผ่านมา โดยวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปเอื้อประโยชน์” ถ้อยคำจาก “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 พ.ย.

จริงๆ แล้วในทางปฏิบัติต่างทราบกันโดยทั่วไปอยู่แล้วว่ารัฐธรรมนูญยังให้รัฐบาลชุดนี้และ คสช.ยังมีอำนาจต่อไป ซึ่งหมายถึงการมีขีปนาวุธมาตรา 44 อยู่ในมือ ไม่ถูกจำกัดการใช้อำนาจเหมือนกับรัฐบาลที่อยู่ในช่วงรักษาการเหมือนกับรัฐบาลปกติที่ผ่านมา

การประกาศย้ำชัดกันอีกรอบอย่างที่ปรากฏออกมา ย่อมส่งนัยทางการเมืองอย่างแน่นอน

ท่าทีของรัฐบาลที่แสดงออกมาต่อเรื่องนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยังคงต้องการรักษาความได้เปรียบของตัวเองเอาไว้ให้นานที่สุด

การมีอำนาจเต็ม 100% ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นเครื่องมือที่รัฐบาลรักษาการชุดไหนก็อยากได้เอาไว้ เพราะหมายถึงการสามารถอนุมัติงบประมาณหรือโครงการใหม่ๆ เพื่อดึงคะแนนเสียงประชาชนให้มาสนับสนุนให้เป็นรัฐบาลอีกสมัย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีอำนาจลักษณะนี้ ย่อมทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความได้เปรียบเหนือ
คู่แข่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ถ้าก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าตัวเองไม่ได้สนใจงานการเมือง ก็คงไม่เป็นไรและไม่มีใครออกมาวิพากษ์วิจารณ์ แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศต่อสาธารณะว่ามีความสนใจงานการเมือง เพียงแต่ยังไม่ระบุลงให้ชัดเจนว่าจะเข้าร่วมงานกับพรรคการเมืองใดเท่านั้น

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์จะถือไพ่เหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น

ขณะเดียวกัน ไม่เพียงแต่การมีอำนาจสมบูรณ์ 100% เท่านั้น แต่รัฐบาลยังกุมความได้เปรียบอีกประการด้วย ภายหลังระบุว่าจะดำเนินการ
ปลดล็อกการเมืองช่วงปลายเดือน ธ.ค.

เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ คสช.และรัฐบาลยังไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระได้โดยง่าย

การปลดล็อกในช่วงปลายเดือน ธ.ค. ภายใต้เงื่อนไขการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. 2562 มีผลให้เหลือเวลาที่พรรคการเมืองจะเสนอนโยบายและ
ทำกิจกรรมทางการเมืองโดยสมบูรณ์เพียงประมาณ 2 เดือนเท่านั้น

ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอ้างว่าระยะเวลาการหาเสียงเลือกตั้งส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง 45-60 วัน การออกมาระบุเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการบอกความจริงแค่ครึ่งเดียว

ในอดีตระยะเวลาการหาเสียงจะอยู่ราว 45-60 วันก็จริง แต่ก่อนถึงช่วงหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะพบว่าพรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมการเมืองได้ปกติ ไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใดๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่ข้อห้ามบางเรื่องที่กฎหมายกำหนดห้ามพรรคการเมืองกระทำเท่านั้น

เมื่อ คสช.และรัฐบาลมีอำนาจเต็ม 100% บวกกับการยื้อการปลดล็อกการเมืองไปจนถึงช่วงปลายเดือน ธ.ค. เป็นการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลและ คสช.กำลังกลัวพรรคการเมืองในสนามเลือกตั้งพอสมควร

โซ่ตรวนที่ล็อกพรรคการเมืองได้รับการปลดล็อกเมื่อไหร่ คสช.และรัฐบาลจะกลายเป็นเป้าโจมตีผ่านนโยบายหาเสียงของพรรค การเมืองทันที

ด้วยเหตุนี้ อำนาจที่อยู่ในมืออยู่แล้ว จึงต้องอยู่ในมือให้นานที่สุด เพื่อไม่ให้ชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อมหลุดลอยไป