เปรมปรีดิ์ที่ปราณบุรี
วันแรกของปีนี้เป็นวันที่ 1 เดือน 1 ปี 11 ซึ่งถ้าเขียนแบบฟอร์มแบบฝรั่งง่ายๆ ก็จะเป็น 1111 ซึ่งจะไม่มีอีกแล้ว ถ้าจะมีอีกทีก็เป็นวันที่ 2 เดือน 2 ปี 22 ในอีก 11 ปีข้างหน้า
วันแรกของปีนี้เป็นวันที่ 1 เดือน 1 ปี 11 ซึ่งถ้าเขียนแบบฟอร์มแบบฝรั่งง่ายๆ ก็จะเป็น 1111 ซึ่งจะไม่มีอีกแล้ว ถ้าจะมีอีกทีก็เป็นวันที่ 2 เดือน 2 ปี 22 ในอีก 11 ปีข้างหน้า
โดย...สุธน สุขพิศิษฐ์
วันแรกของปีนี้เป็นวันที่ 1 เดือน 1 ปี 11 ซึ่งถ้าเขียนแบบฟอร์มแบบฝรั่งง่ายๆ ก็จะเป็น 1111 ซึ่งจะไม่มีอีกแล้ว ถ้าจะมีอีกทีก็เป็นวันที่ 2 เดือน 2 ปี 22 ในอีก 11 ปีข้างหน้า
สำหรับผมนั้นก่อนจะถึงวัน 1111 ที่ว่า ก็ไปปักหลักที่หาดสามร้อยยอดที่เดิมเสีย 2 วัน ง่ายๆ ก็คือไปก่อนสิ้นปี ที่นั่นเงียบมาก ชายทะเลมีแต่ฝรั่งอาบแดด แม้กระทั่งวันสิ้นปีนักท่องเที่ยวไทยไปไหนไม่รู้ อาจจะไปไกลๆ เพราะปีนี้มีวันหยุดหลายวัน ที่หาดสามร้อยยอดในตอนเที่ยงคืนมีเสียงพลุโป้งป้างจากโรงแรมชายหาดบ้างพอประปราย พอเช้าวันปีใหม่ก็เงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อากาศก็เย็นสบายตัว ก็เลยถือโอกาสเอาความสบายใจใส่ตัว ก็ไปวัดพุน้อย ทำบุญถวายสังฆทาน เรียบๆ ง่ายๆ แจ่มใสทั้งตัวและใจ
วันนั้นอยากไปเที่ยวไกลกว่าหาดสามร้อยยอด วิ่งทะลุอุทยานแห่งชาติ ผ่านนากุ้งกุลาดำที่ซบเซาไปแล้ว ผ่านเขาแดง แล้วเข้าเขตกุยบุรี ที่นี่เคยได้ยินจากชาวบ้านในเขตสามร้อยยอดว่าต้นมะพร้าวแถวกุยบุรี ทับสะแก ถูกแมลงระบาดตายหมดแล้ว ก็ได้เห็นด้วยตาว่าตายเกลี้ยงจริงๆ เป็นดงต้นมะพร้าวยอดด้วน ยอดกับกิ่งใบไม่เหลือหลอ ที่ยังเหลืออยู่บ้างนั้นใบก็แห้งเหมือนเฉาแดด นั่นหมายถึงความตายกำลังมา เมื่อเข้าไปในเขตบ่อนอก ต้นมะพร้าวก็ตายไม่ต่างกัน ซึ่งเขตบ่อนอกเมื่อก่อนนั้นสวยสุด เพราะริมทะเลมีแต่สวนมะพร้าว แล้วทะเลกับสวนมะพร้าวนี่เหมือนสัญลักษณ์ที่แยกกันไม่ได้ เป็นของคู่กัน นี่ของคู่ควรกันก็จะล้มหายตายสิ้นไปแล้ว ทะเลคงหมดเสน่ห์ไป
ลองต้นมะพร้าวแถบกุยบุรี ทับสะแก พังพินาศขนาดนั้น ผมไม่รู้ว่าภาคการเกษตรของรัฐกำลังทำอะไรอยู่ ป้องกันได้หรือไม่ หรือมีวิธีป้องกันระยะยาวอย่างไร น่าจะมีข่าวแพลมๆ ออกมาบ้าง เห็นมีแต่ข่าวว่าอาจจะต้องสั่งมะพร้าวจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์มากินทดแทน แล้วนี่เราจะใช้มะพร้าวของที่อื่นไปตลอดชาติหรือไงไม่รู้ มะพร้าวน่ะไม่ใช่ถั่วงอกที่ปลูกเพาะคืนเดียวก็กินได้แล้ว มะพร้าวตายขนาดนี้ต้องเป็นวาระแห่งชาติแล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องคอยให้ฉิบหายไปถึงเพชรบุรี สมุทรสงครามแล้วหรือไง ถึงจะรู้สึกว่าไฟกำลังมาลามก้นแล้ว
วิ่งออกมาถึงตัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก็ยังไม่ถึงเวลากินมื้อเที่ยง เลยว่าไปเที่ยวด่านสิงขรก่อนดีกว่า ที่นั่นผมเคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นไปในวันธรรมดา ด่านสิงขรมีแต่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ไม้กับแผงขายต้นไม้ กล้วยไม้จากป่า เห็นว่าชาวพม่าไปสอยเอามาขาย ซึ่งครั้งนั้นได้แต่เดินๆ ดู ได้กาน้ำชาจากจีนมา 1 ใบ ตอนซื้อยังงงๆ อยู่ว่ามาได้อย่างไร ด่านสิงขรข้ามไปพม่าก็ไม่มีตรงไหนติดกับจีน กาน้ำชาก็คงไปซื้อจากเยาวราช หรือตลาดปีนังนี่เอง
ปรากฏว่าวันที่ผมไปในครั้งนี้เป็นวันเสาร์ที่เป็นวันตลาดนัดของด่านสิงขร และเกิดตรงกับวันปีใหม่พอดี มีแต่คนกับฝุ่น ของที่ขายวางเป็นแผงๆ นั้นก็มีทั้งเสื้อผ้าเก่าจากตลาดโรงเกลือ อรัญประเทศ ซึ่งหนักไปทางเสื้อหนาว มีเต็นท์มุ้ง มีเครื่องครัวอะลูมิเนียม มีรถขายยาเร่ ก็อาจจะสำหรับขายให้คนพม่าที่ข้ามมาเที่ยวในวันปีใหม่ก็ได้ สำหรับร้านเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่หนักไปทางโต๊ะ เก้าอี้ ที่มีเยอะแยะหลายร้าน ทุกร้านเป็นไม้บึ้กๆ จากพม่า การออกแบบนั้นไม่ได้เรื่อง รูปทรงเอาแค่เป็นไม้แผ่นเดียวหนาๆ เท่านั้น ซึ่งแบบอย่างนั้นมักจะเห็นตามร้านอาหารประเภทสวนอาหารจะชอบใช้ เสียดายไม้ครับ นี่ถ้านิยมกันมากๆ ก็เท่ากับส่งเสริมให้พม่าตัดต้นไม้ ก็แปลกว่าตอนนี้คนไทยกำลังมีกระแสห่วงโลกร้อน รณรงค์ปลูกต้นไม้ ลดโลกร้อน แต่ไหงไปส่งเสริมให้พม่าตัดต้นไม้ ไม่เข้าใจจริงๆ
ออกมาเข้าตัวจังหวัดประจวบฯ ไปที่อ่าวน้อย วิวอ่าวน้อยนี่สวยครับ น้ำทะเลเขียวสวย คลื่นก็ไม่ค่อยแรง ที่ไปอ่าวน้อยก็เพราะตั้งใจกินข้าวที่ร้านรับลม ผมกินร้านนี้ตั้งแต่ถนนหน้าอ่าวน้อยยังขรุขระโขยกเขยก เดี๋ยวนี้กว้างเรียบ หน้าร้านมีที่จอดรถเหลือเฟือ ถึงจะห่างเหินร้านนี้ไปนาน แต่ฝีมือยังฉกาจเหมือนเดิม ที่กินก็มีส้มตำทะเล เอ็นหอยผัดกะเพรา ปลาหมึกผัดผงกะหรี่ ที่จริงเขามีรายการอาหารอีกหลายอย่าง ที่สั่งอย่างนี้ก็เพราะเคยชอบ เมื่อไปอีกก็สั่งที่ชอบมากิน กินร้านอาหารทะเลต้องไปหลายคนถึงจะคุ้ม ไปกันแค่ 2 คน สั่งมามากๆ กระเพาะรับไม่ไหว แล้วเปลืองสตางค์อีกต่างหาก
กลับจากประจวบฯ ก็มาเข้าทางปราณบุรี ที่นี่ก็มีเหตุเหมือนกันว่า ในทุกครั้งผมจะเข้าออกไปหาดสามร้อยยอด จะเข้าตรงแยกโลตัสปราณบุรี แล้วข้ามทางรถไฟตรงทางที่จะไปปากน้ำปราณ แล้วมีแยกเข้าสามร้อยยอดอีกที มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อตอนวันลอยกระทง ผ่านตรงสะพานเหล็กของรถไฟที่ข้ามแม่น้ำปราณ เห็นคนกำลังเตรียมกระทง เห็นวิวสวยดี แล้วมองเห็นสถานีรถไฟดูเงียบๆ แต่เข้าท่า น่าสนใจ แต่เผอิญว่าในครั้งนั้นเป็นวันที่ผมจะกลับกรุงเทพฯ เลยไม่ได้ดูอะไร ในครั้งนี้จึงตั้งใจไปดูที่นั่น
ครั้งนี้จอดรถในที่จอดของสถานีรถไฟ ตัวสถานีนั้นเก่ากึ๊ก แต่ซ่อมใหม่ ทาสีสวย มองไปอีกฝั่งหนึ่งของสถานีเห็นตึกแถว ห้องแถวไม้เก่าๆ เยอะดูน่าสนใจ คนรถไฟเขาว่าเป็นชุมชนเก่าแก่ และบอกด้วยว่าจะให้สนุกต้องมาตอนบ่าย 4 โมง เพราะจะมีตลาดนัดเป็นถนนคนเดินซึ่งมีทุกวันเสาร์ และครั้งนี้เป็นวันปีใหม่อีกต่างหาก
กลับที่พักมาก่อน พอถึงเวลาก็ออกไปอีกที ครั้งนี้เข้าทางวัดปราณบุรี วิ่งไปเรื่อยๆ ต้องบอกว่าโชคดีแท้ เจอของดีสุดยอดเข้าแล้ว ยิ่งบริเวณใกล้กับสถานีรถไฟนั้นเป็นชุมชนที่น่าดูมาก เจอชุมชน 100 ปีอีกแล้ว แต่ที่นี่ดิบมาก ลานใกล้สถานีรถไฟนั้นร่มรื่นมาก แถบนั้นจะตั้งแผงของกินเพียบ ถูกใจทั้งนั้น ที่ถูกใจคือกำลังเบื่อซีฟู้ดเต็มประดา ยิ่งเมื่อเห็นหม้อขนมจีนน้ำยา น้ำพริก แกงเขียวหวาน เห็นข้าวน้ำพริกลงเรือห่อในใบบัว ยังเห็นมีห่อหมกย่าง ข้าวเหนียวนึ่งกับใบเตยกินกับเนื้อฝอยผัดเค็มหวาน มีกระเพาะปลา มีคอหมูย่างกับข้าวเหนียว คอหมูย่างนั้นจะเอาแบบปรุงใส่ข้าวคั่ว หอมแดง พริกแห้งบด เหมือนน้ำตกก็ได้ ยังมีขนมกุยช่ายคำกำลังดี ทอดราดน้ำจิ้มซีอิ๊ว แค่นั้นก็น้ำลายท่วมท้นแล้ว
นั่นเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น แล้วเมื่อซื้อของกินแล้วยังมีโต๊ะเก้าอี้หินขัดตั้งอยู่ใต้ร่มก้ามปูต้นมหึมาให้นั่งกิน ซึ่งที่จริงเขาเป็นที่นั่งเล่นของชุมชนอยู่แล้ว ส่วนที่ค้าขายอย่างอื่นก็มีเพียบ กระจายไปตามหน้าห้องแถวไม้ ผมเดินไปเจอร้านสุดท้ายก่อนที่จะถึงทางรถลอดใต้ทางรถไฟ เป็นร้านสุดท้ายที่เป็นที่อยู่มากกว่าที่จะค้าขาย แต่ของที่ตั้งขายนั้นสุดยอด มีขนมลืมกลืน มีขนมน้ำดอกไม้ มีก๋วยเตี๋ยวบก และเมี่ยงคำในกระทงทอง น่ากินสุด และคิดว่าร้านนี้น่าจะทำสนุกมากกว่าที่จะเอากำรี้กำไร เพราะห่อละ 20 บาทเท่านั้น
เราสองคนตายายเหมือนผึ้งตัวเล็กๆ 2 ตัวแตกรัง หายกันไปแล้วซื้อของมาตั้งเต็มโต๊ะ คอหมูย่างก็อร่อย ขนมจีนน้ำยาก็ใช้ได้ ขนมกุยช่ายก็อร่อย ห่อหมกย่างก็ใช้ได้ เบียร์ของผมก็เย็นได้ที่ ดีไปหมด ของหวานคือขนมลืมกลืน ที่จริงน่าจะเรียกว่าขนมลืมเคี้ยวมากกว่า พอผ่านลิ้นแล้วกลืนเลย เมี่ยงคำอร่อยมาก การหั่นเครื่องพิถีพิถันจริงๆ น้ำเมี่ยงก็อร่อย แถมใช้ใบทองหลางอีกด้วย เวลาห่อก็ง่าย เอาใบเมี่ยงวางบนกระทงทองใส่เครื่องราดน้ำเมี่ยง เวลากินจะกรอบๆ กระทงทอง อร่อยครับ
ที่สำคัญที่สุด ระหว่างกินมีวงกลองยาวของเด็กนักเรียนจากโรงเรียนปราณบุรี เล่นตรงลานหน้าสถานีรถไฟนั่นเอง เด็กๆ วัยใสๆ เล่นสนุก รื่นเริง ผมนั้นต้องบอกว่าเหลือเชื่อเข้าขั้นอัศจรรย์และประทับใจ
ตลาดนัดคนเดินนี้ชาวบ้านเขารู้จักกันดีครับ มีทุกวันเสาร์ เห็นว่าจัดมาตั้งแต่เดือน ส.ค.แล้ว สำหรับผมนั้นมีที่ดีอีกที่หนึ่ง ต่อไปนี้ไม่พลาดแน่ ก็นี่เป็นวันแรกของ 1111 ที่เป็นวันดี ที่นี่เชิญชวนให้ไปเที่ยวครับ


