เคี้ยวหมากฝรั่ง ต้องรู้กาลเทศะ
โดย...วราภรณ์
โดย...วราภรณ์
ใครจะคาดคิดว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพ ลลิดา ลีละยูวะ เอ็กเซ็กคิวทีฟ ดีไซน์ ไดเรกเตอร์ บริษัท ดับเบิ้ลยู เอ็มอิมเมจิเนีย และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาบุคลิกภาพ แห่งสถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ จอห์น โรเบิร์ต เพาเวอร์ส กล่าวว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งมองได้หลายแง่มุม ต่างประเทศทำการวิจัยมาแล้วว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งไม่ได้มีข้อเสียแต่เพียงอย่างเดียว ยังมีข้อดีด้วย คือ ผลวิจัยพบว่าคนที่เคี้ยวหมากฝรั่งมีความจำดีกว่าคนไม่เคี้ยว การเคี้ยวช่วยการเต้นของหัวใจ ทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น นอกจากนั้นยังกระตุ้นการผลิตอินซูลิน ทำให้เซลล์สมองเปิดรับกลูโคสจากกระแสเลือดมาเลี้ยงสมองส่วนที่เป็นความจำได้มากขึ้น คือผลวิจัยว่าอย่างนั้น แต่การเคี้ยวหมากฝรั่งในที่สาธารณะแบบไม่รู้จักเวล่ำเวลา เช่น ขณะที่สนทนากับผู้อื่นนั้น ก็ยังเคี้ยวหมากฝรั่งคาอยู่ในปากแล้วเคี้ยวจั๊บๆ ไปมา ถือเป็นการเสียงมารยาทเลยก็ว่าได้ เพราะแทนที่ผู้สนทนาด้วยจะสนใจแต่เนื้อหาที่พูดคุยปรึกษากัน แต่สมาธิของผู้ฟังจะเสียไปด้วยจังหวะการเคี้ยวหมากฝรั่งของฝ่ายตรงข้าม
“หากการเคี้ยวหมากฝรั่งมาลิงค์กับเรื่องบุคลิกภาพ เราต้องดูกาลเทศะเป็นสำคัญ เช่น สมมติอยู่คนเดียวในพื้นที่ส่วนตัว ไม่ได้อยู่ในการประชุม การเคี้ยวหมากฝรั่งไม่ผิด เพราะอาจจะแก้ง่วงได้ แต่หากวันที่คุณอยู่ในสถานที่สาธารณะกำลังมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นมารยาทที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะการเคี้ยวจะไปรบกวนการพูดคุยระหว่างกัน แทนที่คุณจะโฟกัสกับประโยคที่อีกฝ่ายพูด แต่ผู้ฟังกลับมาดูกิริยาอาการการเคี้ยว” มารยาทด้านบุคลิกภาพในการเคี้ยวหมากฝรั่งในที่สาธารณะเป็นหลักสากล ไม่ว่าเมืองไทยหรือเมืองนอกก็ยึดหลักเดียวกัน
“การเคี้ยวหมากฝรั่ง คือ การดูไม่สุภาพนัก เวลาที่เรามีการประชุมในกลุ่มเมืองไทยหรือเมืองนอก อย่างในบางประเทศไม่อนุญาตให้เคี้ยวหมากฝรั่งเลย ก็คือ สิงคโปร์ นอกจากดูไม่สุภาพแล้วรัฐบาลยังกลัวทิ้งเศษหมากฝรั่งทำให้สกปรกอีกด้วย ในการสั่งห้ามนั้นแสดงว่าสิ่งนี้ไม่จำเป็น เราหาอย่างอื่นทำแทนก็ได้”
สำหรับผู้ติดการเคี้ยวหมากฝรั่งเสียแล้วจะทำอย่างไร ลลิดามีคำแนะนำ คือ บางคนที่ติดการเคี้ยวหมากฝรั่งอาจคิดว่าเป็นความเท่ หรือช่วยลดความเครียดของตนเองได้ แต่หากติดนั่นก็คือแก้ยาก แต่มีวิธีคือก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าสถานที่ไหนสามารถเคี้ยวหมากฝรั่งได้ ไม่ต้องเลิก 100% แต่แค่ให้รู้สถานที่ อยู่บ้านเคี้ยวได้เพราะไม่มีคนมองเราอยู่ แค่ควบคุมเป็นบางเวลา ซึ่งเรื่องนี้ต้องแก้ไขเป็นรายบุคคล เพราะแนวคิดในการเคี้ยวหมากฝรั่งของแต่ละบุคคลก็ไม่เหมือนกัน บางคนคิดว่าเคี้ยวแล้วเพิ่มความมั่นใจเลยต้องเคี้ยวหมากฝรั่งตลอด พบมากในเด็กจบการศึกษาใหม่ที่ไม่ค่อยมั่นใจในบุคลิกภาพของตัวเอง เป็นต้น
“ถ้าสมมติเรามีเพื่อนติดเคี้ยวหมากฝรั่ง อันนี้เตือนได้ง่ายหน่อย แต่ไม่ใช่การตำหนิเพราะคนเราจะไม่ชอบการดุว่า ดูไม่ดี ดูน่ารำคาญ ต้องใช้เทคนิค คือ พูดชมว่าคุณบุคลิกภาพโดยรวมดูดีหมดเลย แต่เสียอย่างเดียวชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง ลองลดการเคี้ยวดูไหม แล้วบุคลิกคุณจะดูดีขึ้นเยอะทีเดียว แต่สำหรับคนที่ไม่สนิทก็เตือนยากอยู่เหมือนกัน หรือพูดยกคุณค่าในตัวเพื่อนอย่างอื่น เช่น คุณดีหมดแล้ว แต่คุณติดการเคี้ยวอย่างเดียว ถ้าคุณไม่เคี้ยวพรีเซนเทชั่นของคุณจะดีกว่านี้นะ คนฟังจะฟังแล้วรู้สึกดี แทนที่จะไปว่าเขา เพราะตามธรรมชาติของคนเวลาเราว่าตรงๆ เขาจะต่อต้าน จะเคี้ยวหนักกว่าเดิม เพราะเขามักคิดว่า เอ๊ะไม่ได้เกี่ยวกับงานนี่ ซึ่งเป็นมากในเด็กเริ่มทำงานใหม่ๆ เด็กจบใหม่จะไม่เข้าใจว่า มันไม่เกี่ยวกับการทำงาน ควรแยกกัน แต่เราสามารถชี้ให้เขารู้ว่า สิ่งที่เขาคิดไม่ผิด ถ้าแก้มันจะดีและง่ายมาก เพราะคนทุกคนก็อยากดูมีบุคลิกภาพดูดีด้วยกันทั้งนั้น”


