หลุมขนมครก ใครๆ ก็ออกแบบได้
วิกฤตภัยแล้งที่ผ่านมา ฝนไม่ตก น้ำไม่มี เกษตรกรเดือดร้อนทั่วหน้า
โดย...วรธาร ทัดแก้ว
วิกฤตภัยแล้งที่ผ่านมา ฝนไม่ตก น้ำไม่มี เกษตรกรเดือดร้อนทั่วหน้า ชาวบ้านหลายพื้นที่ไม่มีน้ำประปาใช้เพราะน้ำในคลองที่ใช้ผลิตประปาแห้งขอด แม้ตอนนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายเพราะฝนตก แต่บางพื้นที่ชาวนายังต้องการน้ำไปหล่อเลี้ยงข้าวในนา
ทว่าในวิกฤตภัยแล้งก็ปรากฏพลังของคนกลุ่มใหญ่ๆ ประกอบด้วย บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จับมือ สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมกับ จ.ลพบุรี หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทำการฟื้นฟูและพัฒนาลุ่มน้ำป่าสักด้วยศาสตร์พระราชา ในโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ปีที่ 3 ภารกิจหลักคือสร้าง “หลุมขนมครก” ให้ได้ 1 แสนหลุม ในเวลา 9 ปี เพื่อหยุดท่วม หยุดแล้ง งานนี้มี แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ บอย-พิษณุ นิ่มสกุล ซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ และ เก้า-จิรายุ ละอองมณี ร่วมอาสาตามรอยพ่อเหมือนทุกปี
หลุมขนมครกคืออะไร
พลังของกลุ่มนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล. ภายใต้การนำของ ผศ.พิเชฐ โสวิทยสกุล คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มาช่วยออกแบบและให้คำปรึกษาชาวนาเกี่ยวกับการทำหลุมขนมครกในพื้นที่นา แต่ก่อนไปรู้จักการมีส่วนร่วมของพวกเขาไปรู้จักหลุมขนมครกก่อนเลย
ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียงและมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ได้ให้คำตอบง่ายๆ หมายถึง การเก็บน้ำในทุกรูปแบบในพื้นที่ของตัวเองให้มีน้ำไว้ใช้มากที่สุดในทุกฤดูกาล โดยถ้าพื้นที่สูงบนเขาหลุมขนมครกจะใช้โมเดล “เปลี่ยนเขาหัวโล้นเป็นเขาหัวจุก” ขณะที่บนพื้นที่ลุ่มจะเป็นแบบโคก หนอง นา โมเดล คือมีทั้งโคก หนอง คันนา สระ คลองไส้ไก่ ฝายชะลอน้ำ
“ตัวโคก หนอง นา โมเดล หากเกษตรกรมีพื้นที่รายละ 10 ไร่ คิดเป็น 1 หลุมขนมครก จะสามารถกักเก็บน้ำได้ปีละ 4 หมื่น ลบ.ม./ปี คิดเป็นน้ำบนดินประมาณ 2 หมื่น ลบ.ม. เมื่อป่าชุ่มชื้นจะเก็บกักน้ำใต้ดินได้เพิ่มขึ้นอีก แต่ถ้าทุกคนในแถบลุ่มน้ำป่าสัก หรืออย่างน้อย 1 แสนราย สร้างคนละ 1 หลุม จะสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้กว่า 4,000 ล้าน ลบ.ม./ปี คิดเป็นมากกว่า 4 เท่า ของความจุเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ ที่สำคัญมีน้ำเก็บไว้ใช้ยามหน้าแล้ง ปลูกพืชได้ตลอดปี
สร้างที่กักเก็บน้ำต้องหัดคำนวณน้ำ
ผศ.พิเชฐ โสวิทยสกุล ให้ข้อมูลว่า การคำนวณปริมาณน้ำฝนที่ตกในพื้นที่สามารถคำนวณโดยการแปลงขนาดพื้นที่ให้เป็นอัตราส่วน มม./ปี 1 ตร.ว. เท่ากับ 4 ตร.ม. 100 ตร.ว. (400 ตร.ม.) เท่ากับ 1 งาน 4 งาน (400 ตร.ว. หรือ 1,600 ตร.ม.) เท่ากับ 1 ไร่ สิ่งที่ต้องรู้คือขนาดพื้นที่ตารางเมตรและปริมาณฝนในพื้นที่ มม./ปี ยกตัวอย่างพื้นที่ 1 ไร่=1,600 ตร.ม. ปริมาณฝนในพื้นที่ 1,200 มม./ปี ใน 1 ปี มีปริมาณฝน = 1,600×1,200 = น้ำฝนตกในพื้นที่ปีละ 1,920 ลบ.ม. แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืมคือประเทศไทยมีวันที่ฝนไม่ตกประมาณ 300 วัน และในวันเหล่านี้น้ำจะระเหยอย่างน้อยวันละ 1 ซม. ดังนั้น น้ำฝนที่ตกมาจะระเหยไปอย่างน้อย 3 เมตร/ปี จึงต้องขุดหนองให้ลึกกว่า 3 เมตร
“ถ้าจะเก็บน้ำไว้ใช้ปลอดภัยแล้งจะต้องขุดหนอง = กว้าง×ยาว×สูง สมมติหนองกว้าง 20 เมตร ยาว 10 เมตร ลึก 6 เมตร = 20×20×10×6 เมตร จะเก็บน้ำได้ 1,200 ลบ.ม. นำดินไปถมเป็นโคกกว้าง 20 ยาว 10 สูง 6 เมตร ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง เก็บน้ำไว้ใต้ดิน 50% ของปริมาณฝน = 600 ลบ.ม. ทำนา 1 งาน ยกคันนา 1 เมตร = 400×1 = 400 ลบ.ม. ขุดคลองไส้ไก่ขนาด 1×0.8×ยาว 30 เมตร = 24 ลบ.ม. เมื่อรวมโคก หนอง นา และคลองไส้ไก่ จะได้ปริมาณน้ำฝน 2,224 ลบ.ม. ถ้าออกแบบตามนี้ 1 ไร่ จะเก็บน้ำไว้ได้ 115.83% ของปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา”
การออกแบบโคกหนองนา
แพนเค้ก เขมนิจ หนึ่งพลังขับเคลื่อนสำคัญ กล่าวว่า ได้ซื้อที่ดินที่ จ.สุรินทร์ จำนวน 3 ไร่ เพื่อสร้างเป็นศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงให้ประชาชนได้ไปศึกษาเรียนรู้ ขณะนี้มีการดำเนินการไปมาก โดยได้น้องนักศึกษา สจล.ไปช่วยออกแบบหลุมขนมครกให้ และมีพระอาจารย์สังคม อธิปัญโญ คอยกำกับดูแลในการขุดหนอง ทำโคก และขุดคลองไส้ไก่ล้อมรอบพื้นที่เพื่อเก็บน้ำฝนให้ได้ 100% บนโคกตอนนี้มีปลูกต้นไม้ประมาณ 10 ชนิด เช่น ต้นสัก พะยูง ยางนา ตะเคียน กล้วย และเดือนนี้ก็จะลงไปดำนากันร่วมกับชาวบ้าน
ด้าน นภัทรพันธ์ เฟื่องฟู ตัวแทนนักศึกษา คณะสถาปัตยกรรม สจล. กล่าวว่า แม้ตนไม่ได้ออกแบบในที่นาของดาราสาวแต่ก็ทีมน้องๆ ไปออกแบบให้ ซึ่งก็ใช้หลักการการออกแบบโคก หนอง นา โมเดลคือมีเป้าหมายหลักคือเก็บน้ำไว้ในพื้นที่เพียงพอกับการอุปโภคบริโภคและการเกษตร
“อย่างแรกต้องขุดหนองโดยคำนวณจากปริมาณน้ำที่ตกมาในพื้นที่เพื่อเก็บน้ำฝนให้ได้ 100% ลึกประมาณ 5-6 เมตรขึ้น เพื่อกันการสูญเสียน้ำจากการระเหย จากนั้นยกคันนาให้สูงขึ้น 1-1.50 เมตร กว้าง 1-2 เมตร เพื่อเก็บน้ำและสามารถเลี้ยงปลาได้ ตัวคันนาก็ปลูกพืชกินได้ ส่วนดินจากการขุดหนองเอาไปทำโคกถ้าปลูกป่าที่สมบูรณ์จะซับน้ำได้ประมาณ 50% ของฝนที่ตกลงมา ยิ่งป่าสมบูรณ์ก็จะเก็บได้มาก ทว่าการขุดหลุมขนมครกขึ้นกับความต้องการของเจ้าของที่ว่าต้องการใช้น้ำเท่าไรเป็นสำคัญ”
ขณะที่ ชรินทร์ วิทยาภรณ์ ตัวแทนอีกคน กล่าวว่า มีชาวบ้าน จ.ชัยนาท รายหนึ่งมาขอให้ออกแบบหลุมขนมครกในที่นาของเพื่อนบ้านคนหนึ่ง ซึ่งมีที่นา 20 ไร่ และอยู่ต้นคลองสาขาใกล้คลองชลประทานชัยนาท-ป่าสัก ซึ่งปกติสามารถดึงน้ำจากคลองสาขามาใช้ได้ แต่ปัญหาฝนแล้งที่ผ่านมามีปัญหาหลายอย่าง เช่น แย่งน้ำกัน เจ้าหน้าที่ไม่ให้สูบน้ำเข้านา
“เจ้าของไม่อยากเจอปัญหาเช่นนี้ในปีต่อๆ ไป ผมให้คำปรึกษาว่าลองลดพื้นที่ทำนาลงเหลือ 15 ไร่ได้ไหม แล้วคำนวณน้ำให้คือ 1 ไร่ ใช้น้ำ 1,600 ลบ.ม. ดังนั้น 15 ไร่ จะใช้ประมาณ 2.4 หมื่น ลบ.ม. และพื้นที่ 5 ไร่ (8,000 ตร.ม.) จะต้องขุดลึกประมาณ 3 เมตร ก็จะเก็บน้ำได้ 2.4 หมื่น ลบ.ม. แต่นี่ยังไม่ได้เผื่อน้ำระเหย เลยแนะให้ขุดลึก 5 เมตรไปเลย เผื่อขาดเผื่อเหลือ ซึ่งถ้าลึก 5 เมตร จะจุน้ำสูงสุดได้ 5 หมื่น ลบ.ม. ทำนา 15 ไร่ได้สบาย ไม่ต้องพึ่งน้ำคลองเลย ส่วนคันนาก็ยกสูงปลูกพืชต่างๆ ไว้กิน”
การออกแบบหลุมขนมครกไม่ยาก ใครๆ ก็ออกแบบได้ แต่ถ้าไม่ได้จริง บอกน้องๆ นักศึกษาสถาปัตย์ได้ เขาพร้อมที่จะไปออกแบบให้ถึงที่ ขอเพียงคุณกล้าพอ พวกเขาก็กล้าจัด


