ต่างสไตล์บริหาร พ่อ-ลูก ‘ธนัฐธิชาบุรี’
ปกติสไตล์การบริหารงานในรุ่นพ่อกับลูกมักจะแตกต่างกัน โดยเฉพาะรุ่นพ่อ จะสุขุม
โดย...เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร ภาพ... วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
ปกติสไตล์การบริหารงานในรุ่นพ่อกับลูกมักจะแตกต่างกัน โดยเฉพาะรุ่นพ่อ จะสุขุม ระมัดระวังมากกว่ารุ่นลูก แต่สำหรับครอบครัว “ดิลกศักยวิทูร” กลับสวนทาง เพราะคุณพ่อ กลับร้อนแรง ขณะที่คนลูกกลับวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง แต่เป็นส่วนผสมที่ลงตัว เพื่อสร้าง “ธนัฐธิชาบุรี” ให้เติบโตไปด้วยกัน
ธนัฐธิชาบุรี เลค รีสอร์ท แอนด์ สปา ตั้งอยู่ที่ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี บนพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ ซึ่งผู้พ่อ ธเนศ ดิลกศักยวิทูร ซื้อที่แปลงนี้ไว้เมื่อ 10 ปีก่อน ทำเป็นพื้นที่เกษตรแบบผสมผสาน ปลูกปาล์มน้ำมัน ทำไร่องุ่น และก่อสร้างเป็นโรงแรมสไตล์รีสอร์ทเมื่อ 4 ปีก่อน และให้ “นัฐเดช ดิลกศักยวิทูร” ลูกชายเข้ามารับผิดชอบบริหารงาน
วันนี้ผมให้เขา 80%
ธเนศ เล่าว่า ต้องการพัฒนาที่ดินแปลงนี้ให้เป็นธุรกิจของครอบครัว เพราะอยู่ในทำเลที่ดี มีน้ำท่าบริบูรณ์ จึงสร้างเป็นรีสอร์ทเมื่อประมาณ 4 ปีก่อน มอบให้ “นัฐเดช” เข้ามา
บริหาร ซึ่งขณะนั้นเขาเพิ่งจบมา อายุเพียง 23 ปี แต่ผมเชื่อว่าเขาสามารถทำงานนี้ได้ และเขาก็ลุยทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ในทุกส่วนงานของโรงแรม มีเพียงงานต้อนรับและงานครัวเท่านั้นที่ไม่ได้ทำ
“ถึงวันนี้ ถ้าเต็ม 100 ผมให้เขา 80 อีก 1-2 ปี คงปล่อยได้ 100% เพราะตอนนี้ผมยังมีส่วนที่คิดเพิ่ม ต่อยอดอีก เพราะผมชอบวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ปี ถือว่าสิ่งที่เขาทำมาได้ขนาดนี้ ต้องถือว่าใจถึงมากแล้ว”
ช่วงแรกของการบริหาร ธนัฐธิชาบุรี มีการจ้างนักบริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยบริหารงาน เพราะยังไม่มีความรู้ธุรกิจโรงแรมอยู่ในหัว ทำให้ได้เรียนรู้ ศึกษาจากกลุ่มคนเหล่านี้ โดยเฉพาะลูกล่อลูกชนต่างๆ ในการบริหารธุรกิจโรงแรม เป็นจุดที่ให้เขา (นัฐเดช) ได้เรียนรู้ และขณะเดียวกันก็ได้แก้ปัญหาต่างๆ ที่คนเหล่านี้ทิ้งไว้ สิ่งดีก็นำมาใช้ สิ่งไม่ดีก็ต้องปรับปรุง
ถึงวันนี้ ธนัฐธิชาบุรี เริ่มติดตลาด มีแนวทางการบริหารของตัวเอง ต้องยอมรับว่าเป็นแนวทางที่นัฐเดชได้สร้างไว้ การสร้างบุคลากรจากคนในท้องถิ่น ที่เป็นเหมือนครอบครัวธนัฐธิชา ทุกคนร่วมแรง ร่วมใจ และมีความรู้สึกหวงแหน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจประสบผลสำเร็จจนถึงวันนี้
“สิ่งที่ผมมักจะบอกเขาเสมอ คือ ต้องทันคน ต้องมีจิตใจเอื้ออารี พระเดช พระคุณ ต้องมี มองโลกในแง่ดี ต้องอดทน อย่าท้อแท้”
ล่าสุด ผู้พ่อได้อาศัยช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ขยายลงทุนเพิ่มจำนวนห้องพักอีก 40 ห้อง เพื่อรองรับลูกค้าแบบกลุ่มใหญ่ได้อีกประมาณ 300-400 คน รวมทั้งมีแผนพัฒนาพื้นที่เชิงเกษตร ทำไร่นาสวนผสม ปลูกองุ่น ทุเรียน อินทผลัมเพิ่ม เพื่อเป็นแม่เหล็กใหม่ รองรับลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการในรีสอร์ท
คุณพ่อคิดไว ใจร้อน
นัฐเดช กล่าวว่า ช่วงแรกที่เข้ามาบริหารงาน ต้องยอมรับว่าหนักมาก เพราะไม่เคยมีระบบการบริหารงานโรงแรมอยู่ในหัว ต้องพึ่งพาเขาตลอด ก็เริ่มเรียนรู้ และมองเห็นว่าปัญหาหลักของธุรกิจโรงแรม คือ บุคลากร คนที่มีความสามารถ เป็นผู้บริหารจากที่อื่นมาก่อนแล้ว จะมีแนวทางของตัวเอง
ช่วงที่ต้องทำงานร่วมกับผู้บริหารมืออาชีพที่เข้ามา ยอมรับว่าหนักมาก และไม่คุ้นเคยกับการทำงานร่วมกับมืออาชีพเหล่านี้ แต่ก็มองเห็นปัญหา และคิดว่าบุคลากรเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจด้านนี้ จึงมุ่งสร้างบุคลากรเป็นหลัก และเลือกคนในท้องถิ่นเข้ามาช่วย ปัจจุบันบุคลากรของโรงแรมเป็นคนท้องถิ่น 80%
“แต่เรามองว่าต้องสร้างความเป็นธนัฐธิชาบุรี ต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรของตัวเองขึ้นมา บริหารแบบเป็นครอบครัว แต่มีกฎ ระเบียบ ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญ ตั้งแต่เปิดให้บริการมา แทบไม่มีของหาย เพราะเรามีกฎว่าถ้ามีของหาย ต้องหารกันทุกคน ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้ผลมาก”
ความที่ได้เรียนรู้ ลองผิด ลองถูก ในการบริหารโรงแรมช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำให้นัฐเดชเน้นบริหารงานอย่างระมัดระวัง คิดวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มองศักยภาพของบุคลากรที่มีว่าจะตอบโจทย์การให้บริการมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างจากคนเป็นพ่อ
“คุณพ่อเป็นคนหัวไว คิดไว อาจจะด้วยประสบการณ์ที่มีมากกว่า แต่สำหรับผู้ปฏิบัติ ผมต้องคิดเป็นสเต็ป มองว่าทำได้หรือไม่ ดูศักยภาพของพนักงานว่าพร้อมหรือไม่ ถ้าเราก้าวเร็วไป อาจจะทำได้ไม่ดี ก็มีบ้างที่ขัดแย้งกับคุณพ่อ ถือเป็นเรื่องธรรมดา” นัฐเดช กล่าว
ประกอบกับด้วยความที่ต้องบริหารบุคลากรของรีสอร์ท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในท้องถิ่น ต้องอาศัยความใจเย็นในการบริหารคน บริหารงาน หล่อหลอมให้บุคลิกในการทำงาน
ของนัฐเดชค่อนข้างระมัดระวัง แตกต่างจาก ธเนศ ผู้พ่อแต่ก็กลายเป็นการผสมผสานที่ลงตัวของครอบครัวธนัฐธิชาบุรี ที่วันนี้กำลังพัฒนาไปสู่ก้าวต่อไป


