ลูกเจ้าสัวแสนล้านของจีนเมินธุรกิจ พ่อเล็งหาผู้สืบทอดนอกตระกูล
ลูกชายคนเดียวของอภิมหาเศรษฐีจีนเจ้าของกลุ่ม "วั่นต๋า" เมินธุรกิจ พ่อเตรียมหาคนสืบทอดที่ไม่ใช่ทายาท
ลูกชายคนเดียวของอภิมหาเศรษฐีจีนเจ้าของกลุ่ม "วั่นต๋า" เมินธุรกิจ พ่อเตรียมหาคนสืบทอดที่ไม่ใช่ทายาท
หวังเจี้ยนหลิน ประธานเครือธุรกิจใหญ่ วั่นต๋า (Wanda Group) และอภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งคนปัจจุบันของจีน ประกาศความเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรครั้งใหญ่ว่า กำลังเตรียมเฟ้นหาผู้สืบทอดกิจการครั้งแรกที่มีแนวโน้มว่าจะไม่ใช่ทายาททางสายเลือด หลังบุตรคนเดียวของตัวเองย้ำไม่อยากเดินตามรอยพ่อ
ถ้อยแถลงของไทคูนวัย 62 ปี เผยแพร่บนเว็บไซต์ทางการของเครือบริษัท ซึ่งครอบคลุมธุรกิจหลากหลายประเภทตั้งแต่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ศูนย์การค้า สวนสนุก คลับกีฬา โรงแรม โรงภาพยนตร์ ไปจนถึงการเป็นหุ้นส่วนสโมสรฟุตบอลยุโรปหลายแห่ง โดยเป็นสุนทรพจน์ที่ผู้บริหารรายนี้กล่าว ณ ที่ประชุมสุดยอดผู้ประกอบการเมื่อช่วงสุดสัปดาห์
จากเนื้อหาทั้งหมด ใจความช่วงตอนที่กำลังเป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจอย่างมากคือ การประกาศพิจารณาหาผู้รับช่วงดูแลเครือวั่นต๋าที่ไม่ใช่ หวังซือชง ลูกชายและลูกคนเดียววัย 28 ปีของตัวเอง “ผมได้ถามลูกชายเกี่ยวกับแผนรับช่วงธุรกิจต่อ แต่เขาบอกว่าไม่อยากมีชีวิตเหมือนผม บางทีคนหนุ่มสาวก็มีความต้องการหรือเรื่องที่อยากทำอยู่แล้ว และอาจจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า หากผมส่งต่อธุรกิจให้กับผู้จัดการที่เป็นมืออาชีพ ส่วนตัวเองก็อยู่ในบอร์ดบริหาร คอยดูพวกเขาดำเนินกิจการไป”
นอกจากนี้ หวังผู้พ่อยังกล่าวว่า เวลานี้เขามีตัวเลือกว่าที่ผู้จัดการธุรกิจในระดับหนึ่งแล้ว และหากคนนั้นเป็นคนที่เขาเลือกมาฝึกให้มารับตำแหน่งแทนเขา จะต้องมีความสามารถที่เก่งกาจไม่แพ้ผู้บริหารที่มีผลงานโดดเด่นท่ามกลางผู้บริหารคู่แข่งคนอื่น
ทั้งนี้ บรรดามหาเศรษฐีที่สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นเองของจีน ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมีอายุย่างเข้าเลข 6 หรือ 7 มักส่งไม้ต่อให้กับบุตรหลานภายในตระกูลตัวเอง อาทิ จงชิงโห ไทคูนเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่ม Wahaha ซึ่งครองตำแหน่งสุดยอดผู้มั่งมีของจีนในปี 2012 ประกาศแต่งตั้ง เคลลี่ จง บุตรสาวคนเดียวเป็นผู้สืบทอดต่อ หรือ หลิวฉาง บุตรชายของ หลิวหยงห่าว เจ้าของธุรกิจด้านการเกษตร New Hope Liuhe ก็เข้ามารับช่วงต่อจากบิดาเมื่อปี 2013 เช่นกัน
การส่งต่อทรัพย์สมบัติให้ทะนุบำรุงยั่งยืนต่อไปแนวนี้ก็มีข้อดีและข้อเสีย จากทรรศนะของ แอนตัวแนตต์ ฮุน ผู้บริหารบริษัทที่ปรึกษา PricewaterhouseCoopers ในฮ่องกง มองว่า หากสมาชิกของครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร ก็จะไม่ค่อยยุ่งยากอะไรมาก ทว่า ก็มีแนวโน้มเกิดศึกสายเลือดแย่งสมบัติกันมากและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่ผ่านไป ขณะที่หากป้องกันวงศ์ตระกูลแตกแยกด้วยให้คนนอกครอบครัวมาเป็นผู้บริหาร การควบคุมทิศทางการดำเนินงานหรือผลประโยชน์ของเจ้าของบริษัทก็จะถูกจำกัดหรือกำหนด
ด้านหวังซือชงบุตรชายที่ถูกกล่าวถึงยังไม่แสดงท่าทีหรือความคิดเห็นใดๆ ต่อการแถลงของผู้เป็นพ่อ โดยเจ้าตัวจบการศึกษาด้านปรัชญาจากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน ประเทศอังกฤษ และปัจจุบันรับตำแหน่งผู้อำนวยการเครือวั่นต๋า โดยถือหุ้นขององค์กรทั้งหมดแค่ 2% แต่ก็มีมูลค่าราว 12,700 ล้านหยวน
ซึ่งโดยส่วนตัว ทายาทหนุ่มก็มีกิจการเป็นของตัวเอง โดยใช้เงินกว่า 500 ล้านหยวนที่พ่อมอบให้เป็นทุน ไปก่อตั้งบริษัทด้านการลงทุน Pronetheus Capital ในปี 2011 และลงทุนในองค์กรแข่งเกมออนไลน์ Invictus Gaming และเครือร้านอาหาร Dining Concepts
แต่ช่วงระยะเวลานับตั้งแต่ปรากฏตัวในสายตาของสาธารณชน เขาก็มักได้รับความสนใจจากสื่อด้วยเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงาน เช่น เรื่องสถานะสัมพันธ์ที่ยังเป็นหนุ่มโสด จนสื่อภายในประเทศให้ฉายาว่าเป็น “สามีของประชาชน” ที่ใครๆ ก็อยากที่จะเป็นคู่ครอง ผนวกกับข่าวการดำเนินชีวิตที่ค่อนข้างหวือหวาฟู่ฟ่า เช่น การให้สัมภาษณ์ว่า อยากมีแฟนสาวที่มีขนาดหน้าอกหน้าใจใหญ่ จนถึงขั้นถูกสำนักข่าวซินหัววิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเหยียดผู้หญิงเหมือนวัตถุ หรือการที่เขาใช้เงินซื้อนาฬิกาอัจฉริยะแอปเปิล วอทช์ฃหลายเรือน ให้สุนัขที่เลี้ยงสวมเล่น เป็นต้น
ที่มา www.m2fnews.com
ภาพ...เอเอฟพี , thenanfang.com


