"จุรินทร์"โชว์ตัวเลขส่งออกมี.ค.สูงสุดในรอบ 30 ปีกว่า9แสนล้าน
รมว.พาณิชย์เผยการส่งออกเดือนมี.ค.มีมูลค่าสูงสุดในรอบ 30 ปีนำรายได้เข้าประเทศกว่า 922,313 ล้าน บวก 19.5% โต 13 เดือนต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 26 เมษายน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ พร้อมด้วย นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศเดือนมีนาคม 2565 และไตรมาสแรกของปี 2565 ณ กระทรวงพาณิชย์
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกเดือนมีนาคม 65 +19.5% มีมูลค่ารวม 922,313 ล้านบาท ถือว่ามูลค่าการส่งออกสูงที่สุดในรอบ 30 ปี นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติการส่งออกตั้งแต่ปี 2534 ดุลการค้า +34,960 ล้านบาท สินค้าสำคัญ 3 หมวดประกอบด้วย1.สินค้าการเกษตร 2.สินค้าเกษตรอุตสาหกรรม และ 3.สินค้าอุตสาหกรรม โดย 1.การส่งออกหมวดสินค้าเกษตร +3.3% มีมูลค่า 69,310 ล้านบาท สินค้าเกษตรสำคัญเช่นข้าว+53.9% ไก่แปรรูป +6.6% มันสำปะหลัง +6.3%
2.หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร +27.7% มีมูลค่ารวม 69,153 ล้านบาท รายการสำคัญ เช่น น้ำมันพืช +350% โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม +768.3% น้ำตาลทราย +204.3% อาหารสัตว์เลี้ยง +15.5% เครื่องปรุงรส +9.7% อาหารทะเลกระป๋องและอาหารทะเลแปรรูป +2%3.หมวดสินค้าอุตสาหกรรม +20.6% มีมูลค่า 755,312 ล้านบาท รายการสำคัญเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า +71.9% โทรสาร โทรศัพท์ +37.9% อัญมณีและเครื่องประดับ +37.1% คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ +36.9% และสินค้าที่เกี่ยวกับน้ำมัน +15.5% แผงวงจรไฟฟ้า +11% เครื่องมือแพทย์ +10.6%
สำหรับ ตลาดที่ขยายตัวสูง 10 อันดับแรกประกอบด้วย 1.สวิตเซอร์แลนด์ +2,864.7% 2.เอเชียใต้ +36.4% 3.อาเซียน +34.8% 4.ตะวันออกกลาง +29.5% 5.สหรัฐฯ +21.5% 6.สหราชอาณาจักร +14.5% 7.เกาหลีใต้ + 14.5% 8.ไต้หวัน +9.4% 9.แคนาดา +9.2% 10.สหภาพยุโรป +6.9% ทั้งหมด นี้ส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกไตรมาสแรกของปี 65 ม.ค.-มี.ค.เป็น +14.9% มีมูลค่า 2,401,444 ล้านบาท หรือเป็นบวกประมาณ 15% มูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท
สำหรับ ปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับหนุนตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นในภาพรวมประกอบด้วย ประการที่หนึ่ง การส่งเสริมผ่านนโยบายซอฟพาวเวอร์ของกระทรวงพาณิชย์ที่ผลักดัน 4 กลุ่มสินค้าสำคัญ คือ อาหาร ดิจิทัลคอนเทนต์ สุขภาพความงามและสินค้าที่มีจุดขายเป็นอัตลักษณ์ของไทย โดยในครึ่งปีงบประมาณ 2565 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 กระทรวงพาณิชย์ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยด้าน Soft Power ไปแล้วทั้งอบรมให้ความรู้และช่วยเหลือให้การส่งออกบรรลุผลจำนวน 1,878 ราย
ประการที่สอง การจัดทำมาตรการเชิงรุกด้านการบริหารจัดการผลไม้ มีผลทำให้ตัวเลขการส่งออกในภาพรวมเป็นบวก โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งมีการเจรจากับด่านต่างๆในการส่งออกทางบก และวันนี้มีข่าวดีด่านส่งออกผลไม้ไทยไปจีนที่ประกอบด้วย 4 ด่านหลัก คือ ด่านโม่ฮาน ด่านโหย่วอี้กวาน ด่านผิงเสียงและด่านตงซิง ที่ด่านตงซิงได้ปิดมาระยะหนึ่ง วันนี้ได้มีการเปิดด่านตงซิงแล้ว จะเป็นปัจจัยช่วยให้การส่งผลไม้ไทยไปจีนทางบกคล่องตัวขึ้นนอกจากนั้น การส่งออกทางเรือข้อเรื่องการขาดแคลนตู้เริ่มคลี่คลาย และมอบหมายให้ทูตพาณิชย์กับทูตเกษตร และกระทรวงการต่างประเทศประสานกับทางการจีน มีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกที่ท่าเรือตอนใต้ของจีนอย่างน้อย 3 ท่า คล่องตัวขึ้นทำให้ตัวเลขการส่งออกทางเรือเพิ่มขึ้น และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ช่วยเจรจากับการท่าอากาศยาน สายการบินและผู้ส่งออก เจรจาเรื่องค่าขนส่งและการจองสายการบินซึ่งประสบความสำเร็จในช่วงที่ผลไม้เริ่มออกต้นปีที่ผ่านมา จากนี้จะเดินหน้าอย่างเข้มข้นและมีแผนที่ชัดเจนต่อไป
ทั้งนี้ ประการที่สาม การผลักดันการค้าชายแดนซึ่งได้เร่งรัดการเปิดด่านมาโดยตลอด ล่าสุดจะยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าห้วยต้นนุ่น เป็นจุดผ่านแดนถาวรที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน คาดว่าจะมีส่วนช่วยทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทยเมียนมาเกิดขึ้นต่อไป ประการที่สี่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต(Purchasing Managers Index หรือ PMI)ยังอยู่ในระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 โดยเฉพาะดัชนี PMI ของประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป เกาหลีใต้ออสเตรเลีย อาเซียน ยังอยู่ในระดับ 50 โอกาสที่จะซื้อสินค้าจากประเทศไทยมีมากขึ้นตามไปด้วย ประการที่ห้า อัตราค่าระวางเรือจากไทยไปยุโรป เริ่มลดลงในขณะที่บางเส้นทางไม่เพิ่มขึ้น จะเป็นตัวช่วยอีกตัวหนึ่ง และุประการที่หก ค่าเงินบาทอ่อนค่า มีส่วนช่วยทำให้การส่งออกการแข่งขันในตลาดโลกแข่งขันได้มากขึ้น


