posttoday

“สมคิด-สนธิรัตน์” นัดถกพลังงานสร้างชาติ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

24 มิถุนายน 2563

“สมคิด” เตรียมหารือกระทรวงพลังงาน 25 มิ.ย. เดินหน้าลดค่าครองชีพ-สร้างรายได้ประชาชนภาคพลังงาน จับตาทิศทางราคาน้ำมันโลกปีนี้เฉลี่ย 40-50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

นายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่าในวันที่ 25 มิ.ย.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาประชุมพลังงานสร้างชาติ ร่วมกับคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงานและหน่วยงานในสังกัดเพื่อที่จะสรุปแผนงานในการใช้พลังงานเพื่อการลดค่าครองชีพและสร้างรายได้ ให้กับประชาชน โดยเบื้องต้นประเมินว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่าระดับแสนล้านบาทที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

ทั้งนี้แผนงานดังกล่าวจะเป็นระยะสั้น 3-6 เดือนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  เช่น โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่คาดว่าจะสามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบภายในวันที่ 30 มิ.ย. 63 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทำหนังสือเวียนให้หน่วยงานต่างๆ รับทราบจากนั้นเมื่อเข้าครม.ก็จะดำเนินการเปิดรับซื้อไฟฟ้าระยะแรก 100 เมกะวัตต์(ควิกวิน)ได้

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก มิติด้านประชาชนในการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้จากพลังงานให้กับภาคประชาชน เป็นต้น

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากระทรวงพลังงานมีมาตรการต่อเนื่องในการดูแลค่าครองชีพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ที่ผ่านทั้งการลดกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแลระดับราคาน้ำมัน การลดราคาหน้าโรงกลั่น

รวมถึงล่าสุดคณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เห็นชอบนโยบายขยายเวลาลดราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) 45 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม(กก.)มาอยู่ที่ 318 บาทต่อถังอีก3เดือนมีผลตั้งแต่ 24 มิ.ย.-30 ก.ย. 63  เป็นต้น

ส่วนมาตรการลดอัตราค่าไฟฟ้า  3 เดือนที่จะสิ้นสุดมิ.ย.นี้จะไม่มีการต่ออายุมาตรการดังกล่าวเนื่องจากนโยบายดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือในช่วงการทำงานอยู่บ้าน(WFH) แต่ขณะนี้สถานการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายลงแล้ว

นายสนธิรัตน์  กล่าวถึง แนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกราคาน้ำมันดิบดูไบตลาดโลกเริ่มปรับตัวสูงหลังโควิด-19 ในหลายประเทศคลี่คลายโดยล่าสุด 22   มิ.ย.ราคากลับมาเฉลี่ยที่ 42 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจากเมื่อ 23 เม.ย.เป็นราคาต่ำสุดอยู่ที่ 19.46   ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ดังนั้นจึงประมาณการณ์กรอบราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเฉลี่ยจนถึงสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ราว 40-50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ต้องติดตามปัจจัยต่างๆใกล้ชิดอาทิ สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จะกลับมาระบาดรอบ 2 หรือไม่ รวมถึงกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโลกกับพันธมิตรหรือ โอเปคพลัสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการลดกำลังผลิตได้มากน้อยเพียงใด