posttoday

ตักบาตรถามพระ

20 กรกฎาคม 2559

ความจริงการนำสุภาษิตไทยเปรียบเปรยพฤติกรรมผู้คนในสังคม หลายสุภาษิตยังคงใช้ได้ดี

โดย...ขำ เคืองใจ [email protected]

ความจริงการนำสุภาษิตไทยเปรียบเปรยพฤติกรรมผู้คนในสังคม หลายสุภาษิตยังคงใช้ได้ดี แต่บางสุภาษิตอาจไม่เหมาะต่อกาลเวลาหรือสังคมวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ยิ่งตรงกับช่วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาด้วยแล้ว อย่างเมื่อวานนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา วันนี้เป็นวันเข้าพรรษา ทำให้... ขำ เคืองใจ... นึกไปถึงสุภาษิตที่มีเรื่องราวของภิกษุสงฆ์เข้าไปเกี่ยวข้อง

ดั่งสุภาษิต “ตักบาตรอย่าถามพระ” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายว่า “การจะให้ของสิ่งใดแก่ผู้ที่เขาเต็มใจรับของสิ่งนั้นอยู่แล้ว ไม่ควรถามว่าอยากได้หรือไม่”

เช่น มหกรรมหยุดยาวอย่างนี้ เจ้านายเผลอไปถามลูกน้องว่าใครอยากไปเที่ยวเมืองนอกบ้าง รู้ทั้งรู้ในใจลูกน้องแต่ละคนอยากเปิดหูเปิดตากันทั้งน้าน เมื่อเป็นเช่นนั้น พนักงานขมองอิ่มคนหนึ่งยกสุภาษิตแซวเจ้านาย “ตักบาตรอย่าถามพระ” สิ ปัดโธ่ 

หรือเรื่องราวบนโต๊ะอาหาร รู้อยู่ว่าหิว ดั๊นมาถาม “ทานข้าวไหม ทานกับน้ำพริกปลาทูไหม” อย่างนี้ก็เรียกว่า “ตักบาตรอย่าถามพระ” 

ถ้าลองนำสุภาษิตนี้มาใช้กับพระภิกษุสงฆ์ยุคปัจจุบัน ด้วยการถามว่าท่านจะฉันไรดี เอาล่ะสิอย่างนี้บาปมั้ย ขัดต่อเจตนารมณ์ของการผลิตสุภาษิตนี้มาแต่โบราณกาลหรือเปล่า    

ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่โรงพยาบาลสงฆ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดแถลงข่าว “เข้าพรรษานี้...ตักบาตรถาม (สุขภาพ) พระ”

บรรดานักวิชาการสุขภาพให้ข้อมูลน่าสนใจ โดยระบุว่า จากข้อมูลสุขภาพพระสงฆ์เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสงฆ์ ปีงบประมาณ 2558 พบว่า โรคที่พระสงฆ์ป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.โรคเมตาบอลิซึมและไขมันในเลือดผิดปกติ 2.โรคความดันโลหิตสูง 3.โรคเบาหวาน 4.โรคไตวายหรือไตล้มเหลว และ 5.โรคข้อเข่าเสื่อม

“ส่วนใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมเนื่องจากพระสงฆ์ไม่สามารถเลือกฉันอาหารที่ฆราวาสถวายได้” ขยายความตามท้องเรื่องเพราะคนในเมืองส่วนใหญ่นิยมซื้ออาหารชุดใส่บาตร พระเลือกไม่ได้ต้องรับไว้ อะไรทำนองนั้น

จากการสำรวจอาหารที่ถวายให้พระ ยังพบว่าอาหารยอดนิยมส่วนใหญ่คือ แกงเขียวหวาน พะโล้ ผัดกะเพรา และของทอด อาหารเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพพระสงฆ์ไทย โดยพบความเสี่ยงต่อภาวะอ้วน โรคกระเพาะอาหารและกระดูกพรุน

แทนที่ท่านจะได้จำวัด กลับต้องไปพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสงฆ์นั่นไงครับ

รศ.ดร.ภญ.จงจิตร อังคทะวานิช ผู้จัดการโครงการการขับเคลื่อนสงฆ์ไทยไกลโรคเพื่อการดูแลโภชนาการพระสงฆ์ในระดับประเทศ สสส. แนะนำว่า งั้นเอางี้แล้วกัน “ในช่วงเข้าพรรษานี้ ก่อนใส่บาตรมาร่วมใส่ใจสุขภาพพระด้วยการเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

โดยอาหารแนะนำที่ควรถวาย คือ หลีกเลี่ยงอาหารทอด รสจัด เสริมผักและโปรตีนจากไก่ กุ้ง ปลาที่เพียงพอ ใช้ข้าวกล้องแทนข้าวขาว และน้ำปานะ เช่น นมกล่องเพื่อเพิ่มแคลเซียม เป็นต้น”

ตักบาตรถาม (สุขภาพ) พระ อย่างนี้ เอาว่าไม่บาปแล้วกันนะจ๊ะ

ข่าวล่าสุด

ศึกไทย–กัมพูชา สองสมรภูมิ : กับดัก UNSCความเสี่ยงต้องระวัง