posttoday

การบินไทย ปั๊มรายได้ คาดปีนี้ทะลุ 1.2 แสนล้าน เล็งปลดล็อกแผนฟื้นฟูก่อนปี 67

10 กุมภาพันธ์ 2566

“การบินไทย” เดินเครื่องปั๊มรายได้หวังปลดล็อกแผนฟื้นฟูก่อนปลายปี 2567 หลัง EBITDA จ่อพุ่งมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท หวังปีนี้รายได้โต 40% ทะลุ 1.2 แสนล้าน รับทิศทางผลการดำเนินงานบวกไม่หยุด เตรียมรับมอบฝูงบินเพิ่ม 9 ลำปีนี้

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. การบินไทย (THAI) กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานภายหลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า บริษัทคาดว่าออกจากแผนฟื้นฟูกิจการก่อนเป้าหมายเดิมที่วางไว้ในปลายปี 2567 และกลับไปซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายในปี 2568 เนื่องจากขณะนี้ผลการดำเนินงานของการบินไทยเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 

 

ทั้งนี้ด้วยแนวโน้มความต้องการการเดินทางยังมีสูง จึงคาดว่าผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นนั้นจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) จะเติบโตกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเข้าเกณฑ์ข้อกำหนดของการยื่นขอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการที่ระบุว่าบริษัทฯ ต้องมี EBITDA หักลบค่าเช่าและเงินสด ย้อนหลัง 12 เดือน ต้องคงเหลือมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทได้ดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการกำหนดไปแล้วราว 70% ซึ่งยังคงเหลือเรื่องของการจัดหาเงินทุนใหม่ วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาเปรียบเทียบแนวทางจัดหาเงินทุนใหม่ และรอประเมินสถานการณ์ทางการเงินว่ามีความจำเป็นต้องจัดหาเงินทุนมากน้อยเพียงใด ด้วยตอนนี้มีกระแสเงินสดเข้ามาต่อเนื่องและสะสมอยู่ในระดับ 3.5 หมื่นล้านบาท 

 

นั่นคือหากกลางปีนี้ผลการดำเนินงานยังคงบวกต่อเนื่อง การบินไทยก็อาจยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดหาทุนใหม่ หรืออาจมีการจัดหาเพียง 1.25 หมื่นล้านบาท โดยที่ปรึกษาทางการเงินจะเป็นส่วนช่วยวิเคราะห์ในการทำแผนจัดหาวงเงินทั้งหมด

 

โดยเบื้องต้นจะเลือกระหว่าง การจัดหาสินเชื่อใหม่แบบสินเชื่อระยะยาว (Term Loan) ไม่เกิน 6 ปี ไม่เกิน 1.25 หมื่นล้านบาท หรือการจัดหาสินเชื่อหมุนเวียนในวงเงินไม่เกิน 1.25 หมื่นล้านบาท แนวทางใดแนวทางหนึ่ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเพิ่มทุนใหม่

 

หวังรายได้ทะยาน 1.2 แสนล้าน

 

สำหรับผลการดำเนินงานในปัจจุบัน การบินไทยมีอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (เคบิ้นแฟกเตอร์) เฉลี่ยประมาณ 80% และคาดว่าทั้งปี 2566 จะคงอยู่ในระดับ 80% ส่วนรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตราว 40% จากปี 2565 ที่คาดการณ์รายได้ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่การบินไทยมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 1.6-1.7 แสนล้านบาทต่อปี ด้านความสามารถทำการบิน 

 

อีกทั้ง ด้วยขณะนี้บริษัทเริ่มกลับมาทำการบินคิดเป็น 65% ของเส้นทางบินทั้งหมด หากเทียบกับปี 2562 และมีแผนจะทยอยเปิดบินเพิ่มเติมต่อเนื่องในเส้นทางเอเชีย จีน ญี่ปุ่น และยุโรปในเมืองที่มีความนิยมสูง โดยเฉพาะจีนภายหลังเปิดประเทศ และมีความต้องการเดินทางจำนวนมาก จึงเตรียมเพิ่มจุดบินจาก 5 เมืองเป็น 8 เมือง

 

“ด้วยผลการดำเนินงานที่เป็นบวกต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ค.2565 อีกทั้งแนวโน้มการฟื้นตัวของดีมานด์ที่มีอยู่ ทำให้มั่นในว่าปีนี้ EBITDA จะเป็นบวกมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท เข้าเกณฑ์ออกจากแผนฟื้นฟูได้ ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายกำหนดในปลายปี 2567 และกลับเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ภายในปี 2568”

 

เครื่องบินใหม่ 9 ลำจ่อเข้าปีนี้

จากปัจจุบันที่ บมจ. การบินไทยมีฝูงบินให้บริการบินจำนวน 41 ลำ แต่ขณะนี้อุตสาหกรรมการบินกลับมาฟื้นตัว ปริมาณผู้โดยสารเดินทางมากขึ้น การบินไทยจึงมีแนวคิดที่จะนำเครื่องบินที่รอการขาย คือ แอร์บัส A 330 และ โบอิ้ง 777-200ER รวม 8 ลำมาปรับปรุงให้บริการ 

 

โดยในปีนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างรอการส่งมอบเครื่องบินเช่า เพื่อนำมาเสริมบริการอีกจำนวน 9 ลำ ประกอบด้วย แอร์บัส A 350 จำนวน 6 ลำ และเครื่องบินลำตัวกว้างอีก 3 ลำ ที่รอการเจรจาเข้ามาประจำฝูงบิน โดยคาดว่าการรับมอบฝูงบินใหม่จำนวนนี้จะทยอยเข้ามาตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นไปจนถึงกลางปีนี้

 

ดังนั้น จึงส่งผลให้ภายในปี 2566 บมจ. การบินไทยจะมีเครื่องบินในฝูงบินให้บริการรวมกว่า 58 ลำ ซึ่งจำนวนนี้ไม่รวมเครื่องบินไทยสมายล์ รุ่นแอร์บัส A 320 อีก 20 ลำ 

 

สำหรับแผนดำเนินงานในปี 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ และทดแทนเครื่องบินที่ปลดระวางรอการขายรวมกว่า 22 ลำ เนื่องจากมีอายุการใช้งานเฉลี่ยกว่า 20 ปี ได้แก่ แอร์บัส A380 จำนวน 6 ลำ, แอร์บัส A340-500 จำนวน 2 ลำ, แอร์บัส A340-600 จำนวน 2 ลำ, โบอิ้ง B777-300 จำนวน 6 ลำ และโบอิ้ง B777-200 จำนวน 6 ลำ โดยการบินไทยวางแผนจัดหาเช่าเครื่องบินเพื่อเสริมบริการเพิ่มเติมกว่า 20 ลำ ซึ่งเป็นแผนที่ไม่เร่งด่วนอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมของประเภทเครื่องบิน

 

ราคาไม่ดีไม่ขายทรัพย์สิน

นายชายยังเปิดเผยเรื่องการขายสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ และอาคารสำนักงานของการบินไทยที่มีอยู่เพิ่มเติมอีกว่า หากไม่ได้รับข้อเสนอด้านราคาที่เหมาะสม ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีอสังหาริมทรัพย์ทั้งไทยและต่างประเทศ

 

ประกอบด้วย อาคารสำนักงานใหญ่การบินไทย และอาคารสำนักงานครัวการบินไทย ท่าอากาศยานดอนเมือง ที่มีมูลค่ารวมกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท และอาคารสำนักงานขายจังหวัดเชียงใหม่ อาคารสำนักงานขายจังหวัดพิษณุโลก สำนักงานขายและบ้านพักลอนดอน อินโดนีเซีย และฮ่องกง ที่มีมูลค่ารวมหลักพันล้านบาท

 

ส่วนความคืบหน้าของการลงทุนหน่วยธุรกิจนอกเหนือกิจการการบิน (Non Aero) ปัจจุบันการบินไทยอยู่ระหว่างศึกษานำธุรกิจครัวการบินที่มีศักยภาพทำรายได้มาพิจารณาถึงรูปแบบและความเหมาะสมของการเปิดให้เอกชนรายอื่นร่วมลงทุน 

 

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) นั้น ทางบมจ.การบินไทยอยู่ระหว่างทบทวนแผนลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปีนี้

 

แล้วหลังจากนั้นจะนำไปหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อพิจารณารายละเอียดพัฒนาโครงการ ส่วนรูปแบบการลงทุนจะร่วมทุนกับพันธมิตรหรือไม่ยังอยู่ระหว่างศึกษา แต่ยอมรับว่าการร่วมลงทุนที่มีพันธมิตรเป็นประโยชน์ให้โครงการแข็งแกร่งมากกว่า เนื่องจากพันธมิตรจะมีฐานลูกค้าที่นำมาสนับสนุนได้

ข่าวล่าสุด

ก.ล.ต. ชี้ประชุมผู้ถือหุ้น THAI ต้องเป็นไปตามกฎหมายบริษัทมหาชน