posttoday

วิจัย Alibaba เผย ผู้บริโภค 73% พร้อมแก้ไข Climate change

16 สิงหาคม 2566

งานวิจัยจาก Alibaba Group เผย ผู้บริโภคราว 73% หรือ 7 ใน 10 คน ต้องการปรับเปลี่ยนวิถีดำเนินชีวิตด้วยแนวทางที่ยั่งยืนมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change)

ผลงานวิจัยอิสระที่สนับสนุนโดยอาลีบาบา กรุ๊ป พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ (73%) ต้องการดำเนินชีวิตด้วยแนวทางที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (87%) แต่ต้องพบอุปสรรคสำคัญด้านค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปและความไม่สะดวกด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าที่เน้นความยั่งยืน

“The Sustainability Trends Report 2023” เป็นงานวิจัยที่สำรวจผู้บริโภคมากกว่า 14,000 รายจากตลาด 14 แห่งในเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง การวิจัยพบว่าความสะดวกด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าที่เน้นความยั่งยืน (53%) และค่าใช้จ่ายที่รับได้ (33%) มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคให้ดำเนินไปตามวิถีความยั่งยืน และธุรกิจต่าง ๆ ก็สามารถช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนได้ง่ายขึ้น

ผู้บริโภคที่อยู่ในตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ยินดีเรียนรู้วิธีซื้อของออนไลน์ด้วยวิถียั่งยืนมากขึ้น โดยมีสัดส่วนสูงสุดในฟิลิปปินส์ (93%) ตามด้วยอินโดนีเซีย (91%) และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (90%)

ขณะที่ ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง (58%) กล่าวว่าพวกเขาได้มีส่วนร่วมด้านความยั่งยืนแล้ว และรู้สึกว่าตนกำลังทำสิ่งที่ดีและถูกต้อง นอกจากนี้ยังเปิดกว้างเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติทางออนไลน์เพื่อความยั่งยืน โดยเฉลี่ย 73% กล่าวว่ายินดีรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคครึ่งหนึ่งจะเลือกซื้อสินค้าที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนก็ต่อเมื่อมีความสะดวกด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าประเภทนี้ และหนึ่งในสามเชื่อว่าสินค้าประเภทนี้มีราคาแพงเกินไป

อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคไม่ซื้อสินค้าที่ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนเพิ่มขึ้น คือ ขาดข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความยั่งยืนของสินค้า (48%) และราคาของสินค้าที่เน้นความยั่งยืนมีราคาสูงเกินไป (45%) 

โดยผู้บริโภค 53% กล่าวว่าพวกเขาจะเลือกให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนก็ต่อเมื่อพวกมีความสะดวกด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้ากลุ่มนี้ ซึ่งในกลุ่มคำตอบนี้ผู้บริโภคในตลาดเอเชียมีสัดส่วนสูง (61%) เมื่อเทียบกับตลาดยุโรปที่น้อยกว่า (36%) นอกจากนี้หนึ่งในสามของผู้ตอบแบบสำรวจ (33%) กล่าวว่า การใช้ชีวิตวิถียั่งยืนนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป โดยผู้ตอบแบบสำรวจไทยนำมาในกลุ่มนี้ (84%) ตามด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเตรส์ (41%) และสเปน (37%)

ทั้งนี้ ท่ามกลางความรู้สึกของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป สิ่งที่ธุรกิจสามารถทำได้เพื่อสนับสนุนให้ผู้บริโภคได้ใช้สินค้าและบริการที่เน้นความยั่งยืนคือ ทำให้สินค้าที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมีราคาที่ผู้บริโภครับได้มากขึ้น (61%) ใช้พลาสติกและบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ได้ครั้งเดียวให้น้อยลง (55%) และให้ทางเลือกสินค้าและบริการที่เน้นความยั่งยืนมากขึ้น (47%) ซึ่งธุรกิจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อทำให้ผู้บริโภคเชื่อว่าสินค้าของตนมีความยั่งยืนจริงตามที่ได้กล่าวอ้างไว้