ไทยเทงบ 2 .8 พันล้าน พร้อมเป็นเจ้าภาพประชุม IMF-World Bank 2026
ไทยนับถอยหลังสู่เจ้าภาพประชุม IMF–World Bank 2026 ดึงรมว.คลัง–ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติทั่วโลกกว่า 12,000 คน ร่วมถกเศรษฐกิจโลก คาดสร้างภาพลักษณ์-เงินสะพัดประเทศ
KEY
POINTS
- ประเทศไทยทุ่มงบประมาณ 2,800 ล้านบาท เพื่อเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (WBG) ในปี 2569
- การจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของไทย คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 15,000 คนจาก 191 ประเทศทั่วโลก
- มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การลงทุน และส่งเสริมภาพลักษณ์พร้อมแสดงศักยภาพของประเทศในเวทีโลก
อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเศรษฐกิจการเงินที่สำคัญที่สุดของโลก นั่นคือ การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (WBG) หรือ IMF-WBG Annual Meetings (AM) ในปี 2569 การประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 18 ตุลาคม 2569 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เคยถูกใช้จัดงานนี้มาแล้วในปี 2534
งานนี้ถือเป็นเวทีระดับโลกที่จะดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 15,000 คน จาก 191 ประเทศทั่วโลก โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมหลัก ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางเกือบ 400 คน ตลอดจนผู้บริหารสถาบันการเงินระดับโลก ผู้นำทางความคิด และนักวิชาการกว่า 12,000 คน รัฐบาลไทยได้ทุ่มงบประมาณสำหรับการจัดการในครั้งนี้สูงถึง 2,800 ล้านบาท
การประชุม IMF-WBG Annual Meetings จะจัดขึ้นทุกปีในเดือนตุลาคม โดยจะสลับการจัดงานระหว่างสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (จัด 2 ปีต่อเนื่อง) และประเทศสมาชิกที่ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ (ทุก 3 ปี) เพื่อสะท้อนความหลากหลายและความร่วมมือระดับสากล
การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ AM2026 ถือเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ และทำให้ไทยเป็น 1 ใน 3 ประเทศเท่านั้นที่เคยจัดงานสำคัญนี้ถึง 2 ครั้ง การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้เริ่มต้นจากการที่กระทรวงการคลังไทยเสนอชื่อ และ IMF-WBG ได้ทำการคัดเลือกและประเมินความพร้อมอย่างละเอียดเข้มข้นในหลายมิติ
สิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ คือ การส่งเสริมภาพลักษณ์ในหลายมิติ
1. ตอกย้ำบทบาททางเศรษฐกิจการเงิน สะท้อนถึงบทบาทของไทยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
2. แสดงความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน เป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพในการเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับโลก รวมถึงความพร้อมของอุตสาหกรรมการบินและการขนส่ง, อุตสาหกรรมท่องเที่ยว, และสิ่งอำนวยความสะดวก
3. กระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน การมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 15,000 คน จะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว การบริการ และการลงทุนในหลากหลายภาคส่วน
4. นำเสนอเอกลักษณ์ของชาติ ไทยจะได้นำเสนอศิลปวัฒนธรรม อาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย
ทั้งหมดนี้จะส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศและสร้างเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจในระยะยาว
IMF-WBG จะเป็นผู้กำหนดธีมหลักของการประชุมในแต่ละปี แต่สำหรับปี 2026 นี้ ไทยในฐานะเจ้าภาพได้กำหนดธีมหลักของประเทศคือ “Thailand’s New Horizons: Empowering People, Building Resilience”
ธีมดังกล่าวสะท้อนแนวคิดการพัฒนาที่ให้ “ประชาชน” เป็นศูนย์กลาง พร้อมเสริมสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ให้ระบบเศรษฐกิจและการเงินมีความพร้อมรับมือความเสี่ยงในอนาคต นี่เป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะใช้เวที AM2026 เพื่อสื่อสารวิสัยทัศน์การพัฒนาในอนาคตต่อเวทีโลก
วิสัยทัศน์นี้มุ่งต่อยอดจุดแข็งของประเทศ เช่น ความก้าวหน้าด้านการชำระเงินดิจิทัล, เศรษฐกิจสร้างสรรค์, การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และศักยภาพของแรงงานไทย พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการยกระดับทักษะ ความรู้ และโอกาสทางเศรษฐกิจของประชาชน เพื่อให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน การประชุมจึงจะเป็นพื้นที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เสริมสร้างความร่วมมือ และผลักดันประเด็นด้านการเสริมศักยภาพประชาชนและความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ เพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่มั่นคง ยั่งยืน และครอบคลุมสำหรับทุกคน
การเตรียมการครั้งสำคัญนี้ถือเป็นการยกระดับตำแหน่งของไทยบนเวทีโลกอีกครั้ง นับตั้งแต่พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2566 โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับ Mr. Ajay Banga ประธานธนาคารโลก และ Mrs. Kristalina Georgieva กรรมการจัดการ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการเปิดตัว “City of Angels” (กรุงเทพฯ) สู่สายตานานาชาติอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังจากที่โมร็อกโกประสบความสำเร็จในการจัดประชุม AM2023 ที่ "the Red City" ที่เมืองมาร์ราเกช


