posttoday

NT ไม่ขายกิจการ เอไอเอส-ทรู-เวนเดอร์จีน หยุดเลือดไหลเฉียดพันล.

12 มิถุนายน 2568

เผย บรอดแบนด์เลือดไหล 900 ล้าน จากรายได้ 2 พันล. รับ เอไอเอส-ทรู-เวนเดอร์จีน ยื่นข้อเสนอเป็นพันธมิตร เน้นทำตลาดในกรุงเทพฯ ย้ำไม่ได้ขายกิจการ เป็นรัฐโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้

พ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า ธุรกิจบรอดแบนด์มีรายได้อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท แต่พบว่าขาดทุนถึง 900 ล้านบาท เนื่องจากมีต้นทุนด้านบุคลากรจำนวนมาก ทำให้ที่ผ่านมา NT เปิดรับข้อเสนอพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อทำตลาดในกรุงเทพฯจริง แต่ไม่ใช่การขายกิจการ เนื่องจากทำไม่ได้ โดยเฉพาะในประเด็นการโอนถ่ายพอร์ตลูกค้า ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ ทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานของรัฐไม่สามารถจำหน่ายหรือโอนกรรมสิทธิ์ได้ การดำเนินงานจึงต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่เข้มงวด และคำนึงถึงผลกระทบต่อบุคลากรภายในองค์กรเป็นสำคัญ

แต่ยอมรับว่า มี 3 บริษัทเอกชน เข้ามายื่นข้อเสนอในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ,บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัทเวนเดอร์รายใหญ่ของจีนที่ทำธุรกิจในประเทศไทยอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจหาแนวทางความร่วมมือกับพันธมิตรที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด

โดยจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมภายใน NT เพื่อพิจารณาอย่างละเอียด ทั้งในแง่ของตัวเลขทางการเงิน รูปแบบโมเดลการบริหารจัดการ และผลกระทบต่อพนักงาน โดยมีสหภาพแรงงานร่วมอยู่ในคณะทำงานดังกล่าวด้วย คาดว่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้นภายใน 2-3 เดือนนี้ เพื่อเสนอเข้าคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทต่อไป

การดำเนินงานครั้งนี้ ไม่ใช่การขายกิจการหรือโอนถ่ายพอร์ตลูกค้าอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ แต่เป็นการเปิดรับความร่วมมือในรูปแบบพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ ที่จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการบริหารจัดการของ NT ในพื้นที่ที่องค์กรอาจมีข้อจำกัด เช่น การให้บริการที่ไม่ครอบคลุม การซ่อมบำรุงที่ล่าช้า หรือการบริหารทรัพยากรที่ไม่คุ้มทุน ยืนยันว่าในพื้นที่ต่างจังหวัด NT มีศักยภาพในการบริหารธุรกิจ แต่ในกรุงเทพฯยังทำได้ไม่ดีพอ

พ.อ.สรรพชัยย์ กล่าวว่า ข้อเสนอจากแต่ละฝ่ายมีหลากหลายรูปแบบ อาทิ การให้พันธมิตรเข้ามาช่วยบริหารสินทรัพย์บางส่วน เช่น ระบบสาย เสาสัญญาณ หรืออุปกรณ์บรอดแบนด์ การทำตลาดในพื้นที่ที่ NT ไม่สามารถดำเนินการเองได้ หรือแม้แต่การรับประกันจำนวนลูกค้าเดิม พร้อมขยายฐานลูกค้าใหม่ ซึ่งจะมีการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างกันแบบชัดเจน

สำหรับโมเดลที่ AIS และ ทรูฯ เสนอมานั้น มีลักษณะคล้าย “Active Sharing” หรือการแบ่งใช้ทรัพยากรร่วมในพื้นที่เดียวกัน เพื่อลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยไม่กระทบต่อการถือครองสิทธิ์หรือการให้บริการในนาม NT แต่อย่างใด ส่วนข้อเสนอจากเวนเดอร์จีนนั้น เน้นการบริหารจัดการด้านบรอดแบนด์และการตลาด โดยยืนยันว่ามีศักยภาพในการลดต้นทุนการผลิตและจัดซื้ออุปกรณ์ รวมถึงมีเครือข่ายรองรับในประเทศต้นทาง

ข้อเสนอที่เข้ามา ส่วนใหญ่ไม่ได้พูดถึงการซื้อขาย แต่เสนอรูปแบบความร่วมมือ เช่น เป็นพันธมิตรด้านการตลาด หรือให้เข้ามาช่วยดูแลลูกค้าในบางพื้นที่ ส่วนทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานยังคงเป็นของ NT

อนึ่ง ปัจจุบัน NT มีลูกค้าบรอดแบนด์ จำนวน 2 ล้านราย มีแพ็กเกจที่น่าสนใจ เช่น NT Plusnet 490 บาท/เดือน (ความเร็ว 600/600 Mbps), NT Plusnet 590 บาท/เดือน (ความเร็ว 1000/500 Mbps), NT Plusnet 690 บาท/เดือน (ความเร็ว 1000/700 Mbps) และ NT Plusnet 900 บาท/เดือน (ความเร็ว 1000/1000 Mbps

ขณะที่ AIS มีลูกค้า 5.1 ล้านราย มีแพ็กเกจที่น่าสนใจ ราคาเริ่มต้น 599 บาทต่อเดือน  (ลด 10% สำหรับลูกค้า AIS)ความเร็ว 500/500 Mbps ส่วนทรูฯมีลูกค้า 3.8 ล้านราย มีแพ็กเกจที่น่าสนใจ ราคาเริ่ม 599 บาทต่อเดือน ความเร็ว 700/700 Mbps 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ก่อนที่จะควบรวมกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เป็น NT ทีโอที ได้เป็นพันธมิตรกับ AIS ในการใช้คลื่น 2100 MHz ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2561-3 ส.ค.2568 

ขณะที่ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด บริษัทในเครือ บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ก่อนจะรวมกิจการ เป็นทรูฯ ก็เป็นคู่ค้าในการให้บริการไร้สายคลื่นความถี่ 2300 MHz ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 3 ส.ค. 2568 โดยทั้งสองคลื่นนี้สร้างรายได้จากโมเดลพันธมิตรทางธุรกิจในการใช้คลื่นปีละหมื่นล้าน หากไม่มีโมเดลดังกล่าว NT ขาดทุนในธุรกิจมือถือปีละ 4,000 ล้านบาท 

ดังนั้นการหาพันธมิตรในการช่วย NT ทำธุรกิจจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ NT ชำนาญเรื่องนี้เป็นอย่างดี 

สำหรับรายได้ NT จากข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

ปี 2564 (หลังรวมกิจการ)

รายได้         103,265,791,200 บาท 
กำไร               1,104,215,561 บาท 


ปี 2565 

รายได้         91,574,249,830 บาท 
ขาดทุน          9,863,987,131 บาท 

ปี 2566 

รายได้         87,417,174,611 บาท 
ขาดทุน         1,985,072,964 บาท 

ปี 2567 

รายได้         85,310,060,220 บาท 
ขาดทุน          6,058,765,944 บาท 

ข่าวล่าสุด

นาวิกโยธินเจ็บเหยียบกับระเบิด บ้านหนองรี หลังเคลียร์พื้นที่คืนจากกัมพูชา