posttoday

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (69)

24 มิถุนายน 2561

สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศทรงมีพระวิริยะอุตสาหะและทรงรักการบันทึกอย่างยิ่ง ทรงเริ่มบันทึกตั้งแต่มีพระชนมายุได้ 5 พรรษา

สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศทรงมีพระวิริยะอุตสาหะและทรงรักการบันทึกอย่างยิ่ง ทรงเริ่มบันทึกตั้งแต่มีพระชนมายุได้ 5 พรรษา ไปจนถึงพระชนมายุได้ 15 พรรษา รวมระยะเวลา 10 ปี จำนวน 243 หน้ากระดาษ แต่จะขอนำบันทึกบางส่วนของพระองค์ลงตีพิมพ์ไว้ดังนี้

บันทึกเกี่ยวกับน้องโต

วันพฤหัสบดี วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๖

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (69)

เราตื่นนอนแต่เช้า แต่งตัวใส่เสื้อกางเกงขาว ป้าโสม (พระองค์เจ้าโสมาวดี กรมหลวงสมรรัตนสิริเชษฐ์) รับไปที่บน (ที่ประทับพระเจ้าอยู่หัว หลังพระที่นั่งจักรี) เราพบแม่แส (เจ้าจอมมารดาแสในรัชกาลที่ ๕) บอกเราทูลหม่อมบน (สมเด็จพระชนก-พระจุลจอมเกล้าฯ) ไม่เสด็จ เราไปห้องเสด็จแม่ พบเสด็จน้า (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ) อยู่หน้าห้อง เสด็จน้าให้เราไปปลุกเสด็จแม่ เราขึ้นไปเห็นสมเด็จแม่ทมตื่นแล้ว หญิง (ม.จ.อัปสรสมาน กิติยากร) นั่งอยู่ด้วย สมเด็จแม่ให้เราแต่งตัวใหม่ เราใส่เสื้อแพร ใส่หมวกได้วันเกิด คอยรถ เราเดินเล่นอยู่ เมื่อเขามาทูลว่ารถมา สมเด็จแม่ สมเด็จน้า กับน้องชายโต (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) ไปด้วย เราขึ้นรถเดียวกันไปถึงสวนหลวง (สวนสราญรมย์) สมเด็จแม่ไปเก็บดอกไม้เราวิ่งตามไป เราเก็บดอกกุหลาบหนามตำมือสองแห่ง เราไม่ร้องไห้ ลุงจักษ์ (กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม) ให้เราไปจุดเทียน แล้วเรามาเก็บดอกไม้ เราไปดูน้ำพุ เราทิ้งดอกกุหลาบลงไป ลุงจักษ์มาทูลว่าถึงฤกษ์แล้ว เราตามสมเด็จแม่มาที่พลับพลาแล้วไปชักเชือกเปิดผ้าคลุมอนุสาวรีย์ สมเด็จแม่ให้เราไปบอกลุงจักษ์ว่าทูลหม่อมบนรับสั่งว่าเปิดแล้วให้กลับมาเลี้ยงพระที่ตำหนัก ท่านประทานเงินเราสี่เฟื้อง ลุงจักษ์ให้เราสี่เฟื้อง เรารับแทนน้องชายน้อย (เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย) สี่เฟื้อง

กินข้าวเย็นแล้วเราขึ้นเฝ้า เอามาลัยไปถวายกำลังหมอยู่งาน (หมอนวด) เราเลยไปห้องเสด็จแม่ ให้ป้าโสมเล่านิทาน เรานอนหลับบนพระแท่นสมเด็จแม่ของเรา

ต่อไปเป็นบันทึกเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะไปทรงศึกษาอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ขณะนั้นมีพระชนมายุ 15 พรรษา อ่อนกว่าสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ 2 พรรษา ตามบันทึกลงวันที่ 1 ม.ค. 2436 ดังนี้

“วันเกิดโต เรามีปาตี้เลี้ยงข้าวกลางวันให้ เจ้านายที่มาแต่งตัวแฟนซีมาด้วย อยู่ข้างสนุก มีรางวัลแต่งตัว ผู้ตัดสิน ๕ คน คือ อากรมดำรง อากรมขุนนริศ อาสมมต อาไชยัน พระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ – ม.ร.ว.หลาน กุญชร น้องหญิง (เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร) ได้ที่ ๑ แต่งตัวเป็นลาว กินข้าวไม่อร่อย ไม่ได้เข้าเฝ้า”

บันทึกเรื่องรับฎีกาของราษฎร

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (69)

บันทึกของพระองค์ลงวันศุกร์ที่ 13 ก.ค. 2426 เกี่ยวกับหน้าที่ออกรับฎีการาษฎร มีดังนี้

“วันนี้เราออกไปรับฎีกากับลุงจักษ์ เสร็จแล้วมานั่งคอยอยู่ที่ห้องเหลือง ทุ่มหนึ่งเสด็จสมโภชเจ้านายทรงผนวชที่พระที่นั่งอมรินทร์ เราตามเสด็จไปฝนตกถึงท้องพระโรง ทรงทักน้าตุ้ย (พระองค์เจ้าดวงประภา) กับเสด็จยาย (พระองค์เจ้าแม้นเขียน) แล้วเสด็จบนพระที่นั่งไพศาลทักษิณบูชาเทวดาแล้วเสด็จออก เราเห็นอาดิศ (กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) กับเสด็จอาวัฒนา (พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ กรมขุนมรุพงศ์ศิริพัฒน์) ประทับเก้าอี้มีไตรรองพานวางอยู่ตรงหน้าเวียนเทียนแล้วเสด็จขึ้น เรากลับตำหนักหาวนอนเต็มที ไม่ได้อาบน้ำนอนเลย”

บันทึกเกี่ยวกับการปราบฮ่อ

สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศทรงบันทึกไว้เมื่อพระชนมายุ 5 พรรษา ได้กล่าวถึงสงครามการปราบฮ่อที่ทุ่งเชียงคำ ซึ่งพระองค์ทรงได้ยินเหตุการณ์สำคัญนี้ภายในพระราชสำนักมีรวม 3 ครั้ง ลงวันพุธที่ 11 มี.ค. 2426 ความว่า

“เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วไปเรียนหนังสือ วันนี้พระยาศรีสุนทร (พระยาศรีสุนทรโวหาร น้อย อาจารยางกูร) มา เราให้ดุมมุกมีอักษรพระนามแกสำรับหนึ่ง ห้าโมงกลับมาตำหนักเฝ้าในห้องน้ำเงิน เสวยแล้วเสด็จไปพระมหาปราสาท เสด็จทางใน มีเจ้าโกนจุก ๒ คน แล้วออกไปข้างหน้าทรงจุดธูปเทียนสวดมนต์ แล้วเสด็จไปตรัสกับสมเด็จตา (เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์) ถึงเรื่องทัพพระยาราช ไม่ได้ยกไปถึงไอ้ฮ่อ รับสั่งให้เกณฑ์คนเพิ่มเติมไปอีก ให้พระยาพิชัยยกไปตั้งอยู่ที่ทุ่งเชียงคำ เราได้ยินทูลกระหม่อมบนรับสั่งว่ามันมาเสมอ แล้วรับสั่งราชการอื่นต่อไป ใบบอกนั้นเรื่องพระวิภาคภูวดลไปถึงเมืองน่านได้ ทำแผนที่แล้ว ยามเศษเสด็จขึ้นเรากลับมาตำหนักนอน”

บันทึกของวันเสาร์ที่ 28 มี.ค. 2427 เมื่อพระชนมายุ 6 พรรษา เกี่ยวกับเรื่องฮ่อตามที่ทรงได้ยินเช่นกันว่า

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (69)

“ตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วไปเรียนหนังสือ กลับมาจากเรียนหนังสือสี่โมง เล่นอยู่ที่มุข บ่ายไปบน ทูลกระหม่อมบนยังไม่เสด็จออก เราไปเฝ้าในที่ วันนี้มีคนมาคอยเฝ้ามาก เสด็จออกบ่ายห้าโมงนาน รับสั่งว่าไม่ได้ยินตีห้าโมง แล้วเสด็จออกขุนนางพระยาศรีสุนทรอ่านใบบอกเรื่องพระยาพิไชยยกกองทัพไปรบฮ่อ ยิงปืนถูกอ้ายหมอเถ้า แล้วพระยาราชยังไม่ได้ยกขึ้นไปถึง ถ้าพระยาราชจะไม่ยกขึ้นไปแล้ว พระยาพิไชยจะคิดการเอง จะรบใหญ่ทีเดียว ทูลหม่อมบนท่านทรงฉุนพระยาราชมาก เสด็จขึ้นย่ำค่ำแล้ว เสวยในห้องน้ำเงิน เสวยเสร็จเรากลับมาตำหนักพร้อมกับสมเด็จแม่ นอนยามหนึ่ง”

และทรงบันทึกเกี่ยวกับการปราบฮ่อครั้งล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ 4 พ.ค. 2428 ความว่า

“สองโมงนานไปเรียนหนังสือ กลับมาสี่โมง คุณชื่น (ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์ คือ สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์) มหาดเล็กลาป่วย บ่ายเราไปบน เสด็จออกขุนนาง ฮ่อแตกไปจากทุ่งเชียงคำแล้ว เสด็จอาดิศไม่ต้องไป (เดิมกะจะให้กรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จไปในกองทัพใหญ่ด้วย) เป็นแน่ เราออกดีใจมาก วันเกิดของเราจะได้ดูละคร รับสั่งใช้เรามาเอายาสีฟันที่เจ้าเข่ง ไปประทานเสด็จอาสวัสดิ์ (กรมพระสมมตอมรพันธ์) เสด็จขึ้นเกือบย่ำค่ำ เสวยที่สวนสวรรค์แล้ว ทรงทำเขา เราช่วยทูลหม่อมบนทำ เรากลับมาเรือนเกือบสี่ทุ่มนอน”

หลักฐานที่ว่าฮ่อยอมแพ้แก่กองทัพไทยจริง คือพระนายไวย หรือจอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ได้นำพวกฮ่อมาเฝ้า ปรากฏในบันทึกประจำวันที่ 1 ก.ค. 2430 ของสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศดังต่อไปนี้

“เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วไปถ่ายรูป กลับจากเรียนหนังสือแล้วไปกับอาแถม เล่นน้ำที่ห้องเอดิกง สนุกมาก บ่ายกลับเข้าเฝ้า ทูลหม่อมเสด็จออกแขกเมือง ถวายต้นไม้ทองเงินในพระที่นั่งจักรีองค์กลาง แล้วทรงตั้งพระนายไวย (เจิม แสงชูโต) เป็นพระยาสุรศักดิ์มนตรีจางวางมหาดเล็ก แล้วเสด็จออกมุขทอดพระเนตรพวกฮ่อที่มาสวามิภักดิ์ พระนายไวยนำมาเฝ้าไว้ผมมวยก็มี ผมเปียก็มี ผมประบ่าบ้าง แล้วเสด็จขึ้น เราไปเฝ้า เรานอนสี่ทุ่ม”

ต่อไปนี้เป็นบันทึกของสมเด็จฟ้าชาย สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งได้ติดตามเสด็จพระบรมชนกนาถประพาสปักษ์ใต้โดยทางเรือ เรือพระที่นั่งเวสาตรีออกจากท่าราชวรดิฐ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2431 เวลา 11.00 น. เสด็จกลับถึงพระนคร เมื่อวันที่17 ก.ย. 2431 ผู้ที่ติดตามในขบวนเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้มี พระองค์เจ้าโสมาวดี (กรมหลวงสมรรัตนสิริเชษฐ์) เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) พระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เจ้าจอมมารดาสุ่น ในรัชกาลที่ 4 (เป็นท้าววนิดาวิจารินี ในรัชกาลที่ 5) ฯลฯ เมื่อเรือเวสาตรีถึงเกาะสีชังแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเปลี่ยนประทับเรืออุบล เพื่อเสด็จฯ ต่อไปถึงเมืองชุมพร

วันที่ ๓๐ สิงหาคม ปี ๒๔๓๑ เสด็จลงเรือเล็กไปเที่ยวตามลำน้ำชุมพร เสด็จขึ้นไปบนตึกเจ้าพระยาสุรวงษ์ แล้วเสด็จไปข้างหลังตึกจนถึงเขามัทรี

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (69)

เสด็จถึงเกาะพงัน ๓๑ สิงหาคม เจ้าฟ้าชายบันทึกว่า ทูลหม่อมขึ้นเสด็จจารึกชื่อศิลาที่บนเกาะ เกาะนี้มีมะพร้าวมาก ปลูกตั้งพันต้น มีปะการังขึ้นเป็นคันตามหาด มีเจ๊กสองคนเอาไข่กับเป็ดหนึ่งตัวมาถวาย ประทานเงินให้

๒ กันยายน ถึงเกาะหนู สงขลา หลวงวิเศษภักดี (ชม ณ สงขลา) กราบทูลว่า พระยาวิเชียรคีรี (ชุ่ม) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาป่วยมาแต่เมืองแขกและตายเสียแล้ว แต่วันอังคารเดือน ๙ แรม ๖ ค่ำ แล้วตามเสด็จขึ้นแหลมทรายสงขลา

รุ่งขึ้น ๓ กันยายน ปี ๒๔๓๑ เสด็จเสวยพระกระยาหารเช้าที่บ้านหลวงวิเศษภักดี สี่โมงเช้าเสด็จเกาะยอ เสด็จขึ้นที่สะพานวัดแหลมกะพ้อ น้ำตื้นต้องเข็นเรือเข้าไป วันนี้ประทานสัญญาบัตรข้าราชการ ๑ นาย คือหลวงวิเศษภักดีเป็นพระยา (พระยาสุนทรานุรักษ์)

วันที่ ๔ กันยายน เสด็จนมัสการพระเจดีย์บนยอดเขาตังกวนที่ทูลหม่อมปู่ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) สร้างไว้ วันนี้พระยาดำรงเทวฤทธิ์นำทองมาให้ ๒ แท่ง หนักสองตำลึง แขกลูกชายให้สิงโตทองเราตัวหนึ่ง ผู้ว่าราชการเมืองหนองจิกนำทองมาให้แท่งหนึ่ง พอฝนหยุดออกรับแขกเมือง พวกที่มาเฝ้าคือ พระยาพิพิธภักดีและตวนกูมหมัด เมืองปัตตานี พระไพรีพ่ายฤทธิ์ กับน้องพระยายะลา นายทัด ผู้ว่าราชการเมืองหนองจิกพระยาดำรงเทวฤทธิ์ผู้ว่าราชการเทพา พระมหานุภาพผู้ว่าการเมืองจนะ เราได้ทองอีกห้าตำลึงพระยาพิพิธภักดีให้ บ่ายสี่โมงไปทอดพระเนตรมรหุ่มที่ฝังศพแขกแต่โบราณ เสด็จกลับถึงเรืออุบล เรือออกจากสงขลาเกือบทุ่ม

๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑ เวลาห้าโมงเช้า เรือทอดสมอหน้าเมืองกลันตัน เราแต่งทหารยุทธนาธิการ เหมือนทูลหม่อมพ่อ ตามเสด็จไปเรือเวสาตรี พระยาเดชานุชิต กับพระยากลันตัน พระโยธีปฏิยุทธ รายามุดา พระรัษฎาธิบดี บุตรลงมาเฝ้า ประทานตราทุกคนแล้วเสด็จเรือพระที่นั่งอุบล มีเสด็จแม่ (สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) เราและน้องลงเรือกรรเชียงทอดพระเนตรตามบ้านปากน้ำกลันตัน แล้วรับสั่งให้กรมพระยาดำรงราชานุภาพขึ้นไปตรวจบนเมือง

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (69)

รัฐกลันตันสมัยนั้นยังเป็นของไทย สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศทรงบันทึกต่อไปว่าตามเสด็จทูลหม่อมขึ้นไปเมืองกลันตัน พวกแขกเรือกระบวนลงมารับเสด็จมาก มีฆ้องตีด้วย ถึงเมืองท่าที่ประทับไว้คอยรับเสด็จ ดูแข็งแรงมากทั้งผู้ชายผู้หญิง ห้ามคนทั้งปวงไม่ให้เหน็บกฤชทูลหม่อมประทานของตอบแทนมาก สมเด็จแม่ก็ประทานส่วนผู้หญิงเหมือนกัน ของที่ถวายก็มาก แต่เราไม่ได้จำ มีปั้นเหน่งทองคำ สายสร้อยทองคำ กับทอง (แท่ง) จะเป็นเท่าไรเราไม่รู้ ส่วนที่ให้เราหกสิบบาทเอง เวลาขึ้นบกก็จัดพวกเขาถือหอกซัดมาแห่เสด็จหลายคู่

เสด็จเข้าในบ้านพระยากลันตัน ประทับที่หอนั่ง พระยากลันตันยกน้ำมาถวายเองแม่ยกเครื่องมาตั้งถวาย ลูกสาวที่เป็นเมียพระยาตานีนั่งถวายอยู่งานพัด รินน้ำร้อนถวาย ดีทั้งผู้หญิงผู้ชาย แต่สำรับไม่เหมือนของไทย ของใส่จากเล็ก โต๊ะก็ย่อมๆ จัดซ้อนกันสูงถึง ๔๐ จาน ซ้อนเหมือนกันทั้งคาวหวาน แล้วพวกผู้ชายออกไปเลี้ยงข้างนอก สำรับมากถาดเต็มไปเสด็จไปเที่ยวตลาดแต่ไม่ใคร่จะได้ซื้ออะไรมาก หลวงนายศักดิ์ต้องจนชั้นแต่เจ้านายก็ไม่ได้ซื้อลงมาส่งเสด็จทั้งนั้น แต่ถูกเวลาคลื่นจัดมาก เรามาถึงเรือ กินข้าวแล้วนอน ถึงเรือราว ๒ ทุ่ม คลื่นใหญ่มาก

วันที่ ๗ กันยายน ๒๔๓๑ เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้ว ออกไปเล่นกับหลวงนายศักดิ์ ๓ โมงเช้า ๔๐ มินิต ถึงเมืองตรังกานู ทูลหม่อมประทมตื่นรับสั่งให้หาพระองค์สาย (พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ เคยทรงเป็นข้าหลวงใหญ่พิเศษออกไปจัดราชการตามหัวเมืองเหล่านั้น) เข้าเฝ้าตรัสไต่ถามถึงการในเมืองตรังกานู หมอสายทูลว่า ตัวพระยาตรังกานู เป็นโรคคุดทะราดเข้าข้อ แล้วยากจนด้วย ไม่เหมือนเมืองกลันตัน แต่เรียบร้อยดี ทูลหม่อมเสวยข้าวแล้วทรงเครื่องเต็มยศทหาร เราก็แต่งเหมือนกัน ประทับเรือเวสาตรี บ่ายสองโมง พระยาตรังกานูกับรายามุดา และกรรมการผู้ใหญ่อีกหลายคนมาเฝ้า ประทานตราเครื่องราชอิสริยยศพระยาตรังกานู กับประทานสัญญาบัตรรายามุดา กับตราเครื่องราชอิสริยยศด้วย บ่ายเสด็จพร้อมด้วยกระบวนข้างหน้าข้างใน มีเรือพวกแขกมาแห่ด้วย แต่น้อยกว่าเมืองกลันตัน ไปประทับที่ท่าทำเป็นที่ประทับไว้คอยรับเสด็จ พระยาตรังกานูกับรายามุดา ศรีตวันกรมการมาคอยรับเสด็จพร้อมกัน ประทับอยู่ครู่หนึ่งแล้วเสด็จลงเรือไปประทับที่บ้านพระยาตรังกานู มีแขกแต่งเป็นคู่แห่เหมือนเมืองกลันตัน ถึงบ้านมีผู้หญิงแต่งตัวคลุมหัวมาคอยรับอยู่มาก มีตนกูสะเปีย ซึ่งเคยเข้าไปอยู่เป็นเจ้าจอมหม่อมปู่ (รัชกาลที่ ๔ เป็นต้น) ของเลี้ยงเป็นขนมอย่างแขก แต่ใช้โต๊ะฝรั่งจานฝรั่ง เสวยแล้วกลับมาลงเรืออุบล เมืองนั้นหมอสายเป็นธุระมากกว่าเมืองกลันตันพระยาตรังกานู ชื่อตนกูไดนันอาบิดิน เป็นพระยาพิไชยภูเบนทร์ รายามุดา เป็นพระไชเยนทร์ฤทธิรงค์ ตนกูมุดอหลวงอนันต์เอม เมืองสงขลา ได้ประทานตราด้วยพร้อมกันวันนี้

วันที่ ๙ กันยายน ๒๔๓๑ ตื่นนอนแต่เช้าเรือถึงเกาะริดัง ดูงามกว่าเกาะอื่นๆ เรายืนดูแล้วถ่ายรูปมาด้วย มีเกาะใหญ่บ้างเล็กน้อย ปลูกมะพร้าวเป็นหย่อมๆ แลดูงาม ทรายขาวน้ำสีงาม เสด็จไปทอดพระเนตรที่ธารน้ำไหล สำหรับตักส่งไปเมืองตรังกานู ได้เห็นต้นไม้แขกที่ว่าผลแก่ๆ หยอดตาได้ตาสว่าง แล้วเสด็จกลับมาขึ้นเรืออุบล เสด็จโดยกระบวนข้างหน้า สนุกกว่าที่ขึ้นมาแล้วมีตานายอำเภอแขก มาตีกลองแขกรับเสด็จ มีดอกไม้และใบเฟินต่างๆ มาก ซื้อลิงสามัญมาตัวหนึ่ง พอจะเล่นได้กับลิงเผือก เที่ยงออกเรือจากริดัง

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"