posttoday

ข้อคิดการยกเลิกอาชีพสงวน : กรณีงานตัดผม

04 ตุลาคม 2560

ไชยันต์ ไชยพรผมขออนุญาตนำบทสรุปผลวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ของ ดร.ทศพร นพวิชัย มาให้ท่านผู้อ่านได้ตระหนักถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันภายใต้บริบทการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ลองพิจารณากันดูนะครับ

ไชยันต์ ไชยพร

ผมขออนุญาตนำบทสรุปผลวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ของ ดร.ทศพร นพวิชัย มาให้ท่านผู้อ่านได้ตระหนักถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันภายใต้บริบทการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ลองพิจารณากันดูนะครับ

กระแสการที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนนับเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เป็นสิ่งที่ท้าทาย การจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบของคนไทย? โดยเฉพาะเรื่องแรงงานและธุรกิจด้านการบริการ การจ้างแรงงานในภาคบริการ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีการขยายตัวมากขึ้น หากพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการจ้างงานจะพบว่าประเทศไทยยังคงมีการกำหนดแนวปฏิบัติในเรื่องการควบคุมการทำงานของคนต่างชาติ โดยตั้งอยู่บนระบบความคิดที่ต้องการสงวนอาชีพบางอย่างไว้ให้คนไทยทำ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในด้านความมั่นคงแห่งชาติ ในการห้ามมิให้คนต่างด้าวสามารถประกอบอาชีพในประเทศไทยโดยเสรี เนื่องจากรัฐไทยต้องการที่จะปกป้องธุรกิจที่หวงแหนไว้สำหรับ คนไทยหรือเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับความปลอดภัย ความมั่นคงของประเทศ หรือมีผลต่อกระทบต่อศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือหัตถกรรมพื้นบ้าน หรือทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม หรือเป็นธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าวได้ ดังนั้นกฎหมายไทยจึงจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการในการควบคุมคนต่างด้าวที่จะเข้ามาประกอบอาชีพอันอาจส่งผล กระทบต่อประเทศไทย

ในปี 2481 สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ประเทศไทยอยู่ในยุคการปฏิวัติทางวัฒนธรรมและการวางแผนการสร้างชาติที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคำสั่งรัฐนิยมที่ประชาชนต้องพร้อมใจกันยึดถือปฏิบัติ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ใช้อำนาจรัฐเพื่อ ส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยเข้ามามีบทบาททางเศรษฐกิจ โดยการตราพระราชบัญญัติช่วยอาชีพและวิชาชีพสำหรับคนไทย พ.ศ. 2485 โดยมีจุด มุ่งหมายให้ส่วนอาชีพ 27 อาชีพสงวนไว้ให้คนไทยเท่านั้น รวมทั้งนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาวจีนที่มีบทบาททางเศรษฐกิจในขณะนั้น

หนึ่งในอาชีพที่ได้สงวนไว้สำหรับคนไทย คือ งานตัดผมในลำดับที่ 25 และงานดัดผมในลำดับที่ 27 เพราะในอดีตการให้บริการการตัดผมและดัดผมชายหญิงส่วนมากจะมีการแยกร้านกันอย่างชัดเจน ต่อมาได้มีการกำหนดอาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำขึ้นใหม่จำนวน 39 อาชีพตามพระราชกฤษฎีกาการกำหนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ. 2522 โดยกำหนดงานตัดผม งานดัด หรืองานเสริมสวยไว้รวมกันตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป โดยในปัจจุบันกฎหมายการสงวนอาชีพในประเทศไทยยังคงใช้ตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ. 2522 ดังกล่าว แต่ในขณะที่สถานการณ์โลกในปัจจุบันเปลี่ยนไป อาจจะทำให้ มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดงานที่เคยห้ามมิให้คนต่างด้าวสามารถเข้ามาประกอบอาชีพได้เปลี่ยนไปจากเดิม เพราะมีงานบางประเภทที่คนไทยไม่ต้องการที่จะทำอีกต่อไป โดยส่วนมากจะเป็นงานที่ต้องใช้แรงงานหนัก มีความลำบากหรือมีความเสี่ยงสูง ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากต้องการแรงงานต่างชาติมาทำงานเหล่านั้น

ทว่า สำหรับงานตัดผม งานดัดผม หรืองานเสริมสวยนั้นถือว่าเป็นงานที่ ไม่ต้องใช้แรงงานหนัก เพียงแต่มีระยะเวลาในการทำงานที่อาจจะไม่เป็นเวลา เพราะการให้บริการนั้นขึ้นอยู่กับลูกค้าที่เข้ามารับบริการ ซึ่งในปัจจุบันนี้ร้านเสริมสวยได้มีการเปิดมากกว่า 5 หมื่นร้าน และมีช่างเสริมสวยมากกว่า 1 แสนคนทั่วประเทศ เพราะอาชีพช่างเสริมสวยเป็นอาชีพที่สามารถทำรายได้ให้กับผู้ประกอบอาชีพได้เป็นอย่างดีและเป็นอาชีพที่มีเกียรติ อีกทั้งใช้เวลาไม่เกิน 1 ปีในการศึกษาวิชาเสริมสวยก็สามารถประกอบอาชีพได้แล้ว

ตัวอย่างเช่น อาจารย์ยุพา นพวิชัย หญิงสาวชาวบ้านจาก จ.ปทุมธานี ที่เข้ามาเรียนเสริมสวยในกรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ. 2492 เมื่อเรียนสำเร็จก็มาเป็นลูกจ้างในปีถัดมา แล้วพัฒนามาเป็นเจ้าของร้านและสร้างโรงเรียนเสริมสวยเกศสยามใน พ.ศ. 2511 มีลูกศิษย์กว่า 4 หมื่นคน ที่สำเร็จออกไปประกอบอาชีพสร้างฐานะและครอบครัว จะเห็นได้ว่าอาชีพเสริมสวยนั้นสามารถเป็นอาชีพที่มั่นคงได้

ด้วยเหตุนี้ทำให้ในปัจจุบันมีชาวต่างชาติจำนวนมากที่ลักลอบเข้ามาประกอบอาชีพช่างเสริมสวยทั้งช่างที่มีฝีมือ เช่น ชาวญี่ปุ่น ชาวเกาหลี โดยมีนายทุนเป็นผู้นำมาประกอบอาชีพ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย หรือเป็นแรงงานไร้ฝีมือ เช่น ชาวเมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา โดยแรงงานกลุ่มที่สองนี้จะกระจายตัวอยู่ตามแหล่งชุมชนทั่วไป โดยช่วงแรกก็เข้ามาฝึกงานหรือช่วยทำงานในร้านกับช่างเสริมสวยชาวไทยก่อน โดยอุปนิสัย คนไทยที่เป็นคนขี้สงสารจึงช่วยสอนนั้น หรือชาวต่างด้าวนั้นเรียนรู้ลักษณะครูพักลักจำ เมื่อมีความชำนาญก็ออกไปเปิดร้านเสริมสวยของตัวเอง ซึ่งแรงงานทั้งสองกลุ่มนี้ถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่เข้ามาแย่งอาชีพช่างเสริมสวยของคนไทย เพราะในสถานการณ์ปัจจุบันประเทศไทยยังมิได้ขาดแคลนแรงงานช่างเสริมสวย หากมีการยกเลิกอาชีพช่างเสริมสวยออกจากบัญชีอาชีพสงวนหรือผ่อนปรนให้ช่างเสริมสวยชาวต่างด้าวเข้ามาเป็นลูกจ้างในร้านได้ก็จะเกิดปัญหากับผู้ประกอบการจำนวนมาก เพราะเมื่อช่างทำผมใช้ต่างด้าวเข้ามาในฐานะลูกจ้างในระยะแรกแล้วนั้นเมื่อเห็นช่องทางก็อาจจะใช้คนไทยเป็นนอมินีในการเปิดร้านเสริมสวยได้ดังเช่นอาชีพขายของตามแผงในตลาด โดยที่แต่ก่อนชาวไทยเป็นผู้จ้างชาวต่างชาติเข้ามาเป็นลูกจ้าง

แต่ในปัจจุบันเหตุการณ์ได้กลับกันคนไทยกลับกลายเป็นลูกจ้างของคนต่างชาติเหล่านั้น อีกทั้งร้านเสริมสวยที่เปิดให้บริการในประเทศไทยนั้นมากกว่า 90% เป็นร้านเสริมสวยที่ช่างเสริมสวยเป็นเจ้าของร้านและใช้ที่พักอาศัยเปิดให้บริการไปพร้อมกับพักอาศัยด้วย จะเห็นได้ว่าอาชีพเสริมสวยเป็นอาชีพที่ผู้หญิงจำนวนมากที่ไม่มีความพร้อมในการศึกษาสายสามัญก็สามารถเลือกวิชาชีพเสริมสวยเป็นอาชีพที่เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวมาได้ โดยที่ไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านหรือละทิ้งถิ่นฐานเดิมเพื่อเข้ามาหางานทำในเมืองใหญ่ แต่ในปัจจุบันไม่ได้มีการตรวจสอบหรือจับกุมแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาประกอบอาชีพช่างเสริมสวยหรือลักลอบเปิดร้านเสริมสวยในประเทศไทย เนื่องจากในปัจจุบันช่างเสริมสวยยังคงเป็นอาชีพที่สงวนที่ห้ามคนต่างด้าวทำ และเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของแรงงานช่างเสริมสวยไทยในอนาคตภาครัฐควรมีการตั้งสถาบันวิชาชีพร่วมมือกับภาคเอกชนจัดตั้งมาตรฐานกลางสำหรับวิชาชีพเสริมสวยเพื่ออบรมพัฒนาทักษะฝีมือ เพราะวิชาชีพเสริมสวยนั้นเป็นวิชาชีพที่ต้องมีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และในอนาคตสามารถที่จะกำหนดให้ช่างเสริมสวยต้องมีใบรับรอง (Licence) และต้องผ่านหลักสูตรมาตรฐานของประเทศเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้รับบริการ ถ้าสามารถพัฒนามาตรฐานและฝีมือให้ดีแล้ว ช่างเสริมสวยจะเป็นแรงงานที่สำคัญในการนำเงินเข้าประเทศเมื่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเต็มรูปแบบแล้ว n

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด พิธีปิดซีเกมส์ 2025 สุดยิ่งใหญ่ ส่งไม้ต่อ มาเลเซีย 2027