‘เนื้อโคขุนศรีวิชัย’ แบรนด์เพื่อสุขภาพจากพัทลุง
เนื้อสัตว์นั้นดูเหมือนจะไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพสักเท่าไหร่
โดย...อัศวิน ภฆวรรณ
เนื้อสัตว์นั้นดูเหมือนจะไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ใหญ่เช่นโค แต่สำหรับสหกรณ์โคเนื้อพัทลุง ได้หาทางพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อโคแปรรูป ในชื่อแบรนด์ โคขุนศรีวิชัย เพื่อเอาใจกลุ่มคนรักสุขภาพ
ฤชัย วงศ์สุวัฒน์ ประธานกรรมการ สหกรณ์โคเนื้อพัทลุง เปิดเผยว่า ทางสหกรณ์โคเนื้อพัทลุง ได้มีโครงการแปรรูปเนื้อวัว โค เป็นแบรนด์เนื้อโคขุนศรีวิชัย เช่น ไส้กรอก เนื้อแดดเดียว มีทโลฟ ซอสเนื้อ เป็นต้น มีราคาตั้งแต่ 70, 80, 100 และ 110 บาท โดยเริ่มดำเนินการมาเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน และถัดไปจะผลิตลูกชิ้น ฯลฯ โดยตลาดให้การตอบรับพอสมควรกับภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
“สำหรับในการแปรรูป ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี เพื่อให้แบรนด์เนื้อโคขุนศรีวิชัยเหมาะสำหรับผู้บริโภค และเพิ่มโอกาสในการรับประทานเนื้อโคสุขภาพดี มีคุณภาพ”
เนื้อโคขุนศรีวิชัย ได้รับการดูแลเลี้ยงดูอย่างดีท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งระบบการเลี้ยงในเครือข่ายโคขุนศรีวิชัย ถูกหลักสวัสดิภาพสัตว์ กินอาหารที่สะอาดถูกหลักวิชาการ จึงทำให้เนื้อของโคขุนศรีวิชัยมีความอร่อย และเพื่อให้ผู้บริโภคได้บริโภคเนื้อที่มีคุณภาพสูง จึงได้มีการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา จากนโยบายการส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตเพื่อพัฒนาภาคใต้ให้เข้าสู่ประชาคมอาเซียน (เออีซี)
ทั้งนี้ ในการเลี้ยงจะให้ความสำคัญกับมาตรฐานการเลี้ยงและการผลิตเพื่อให้ได้เนื้อคุณภาพสูง โดยให้อาหารคุณภาพ เน้นทรัพยากรในพื้นที่ภาคใต้ เช่น กากปาล์ม ร่วมกับกากน้ำตาล มันสำปะหลัง วิตามิน แร่ธาตุ และเสริมไขมันไหลผ่านจากน้ำมันปาล์มดิบที่อุดมไปด้วยสารแคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสร้างวิตามินเอ และวิตามินซี
สำหรับอาหารเสริมสูตรพิเศษสำหรับโคขุนศรีวิชัย มีมันกากนมถั่วเหลืองหมักยีสต์ และแล็กโตบาซิลลัส ถือเป็นจุลินทรีย์ที่ช่วยเสริมในระบบทางเดินอาหาร ทำให้สุขภาพดี เหมือนคนที่ดื่มนมเปรี้ยวอยู่ทุกวัน โดยเหมาะมากสำหรับผู้รักสุขภาพ
“ห้องเย็นหรือห้องชิว เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นของโรงเชือด เพราะจะได้เนื้อที่มีคุณภาพ จะต้องอบเนื้อที่อุณหภูมิ 0-4 องศา ประมาณ 15-21 วัน ขณะเดียวกันก็กำลังพัฒนาเพื่อให้การผลิตทั้งหมด ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม และมาตรฐานฮาลาล ซึ่งจะเป็นโอกาสในการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน หลังการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีต่อไป”


