"มิตรผล" ปีละแสนล้าน วางวิชั่น 5 ปร 5 ขาธุรกิจ
กลุ่มมิตรผล ผู้ดำเนินธุรกิจโรงงานน้ำตาล ที่ปัจจุบันกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ของไทย และรั้งอันดับ 4 ของโลก เปิดแผนอาณาจักรรายได้ปีละหลักแสนล้านบาท จาก 5 ขาธุรกิจ กับทิศทางใน 5 ปี (ปี 2557-2561) ว่าจะขยับสัดส่วนไปอย่างไร จากธุรกิจต้นทางคืออ้อย สู่การผลิตน้ำตาล นำกากน้ำตาลหรือโมลาสทำเอทานอล นำชานอ้อยไปเป็นเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าชีวมวลผลิตไฟฟ้าขาย ทำเป็นวัสดุทดแทนไม้ และเล็งลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
กลุ่มมิตรผล ผู้ดำเนินธุรกิจโรงงานน้ำตาล ที่ปัจจุบันกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ของไทย และรั้งอันดับ 4 ของโลก เปิดแผนอาณาจักรรายได้ปีละหลักแสนล้านบาท จาก 5 ขาธุรกิจ กับทิศทางใน 5 ปี (ปี 2557-2561) ว่าจะขยับสัดส่วนไปอย่างไร จากธุรกิจต้นทางคืออ้อย สู่การผลิตน้ำตาล นำกากน้ำตาลหรือโมลาสทำเอทานอล นำชานอ้อยไปเป็นเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าชีวมวลผลิตไฟฟ้าขาย ทำเป็นวัสดุทดแทนไม้ และเล็งลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
กฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมทีมบริหาร บริษัท น้ำตาลมิตรผล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำตาลมิตรผล ร่วมกันกล่าวว่า แผนกลุ่มมิตรผล 35 ปีข้างหน้า บริษัทจะขยายกลุ่มน้ำตาลเป็นธุรกิจหลักสร้างรายได้ถึง 70% ส่วนกลุ่มพลังงาน แม้ว่าจะอยู่ในภาวะขาขึ้นจากนโยบายด้านพลังงานของไทย ที่ต้องการเอทานอลไปผลิตแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 9 ล้านลิตร ในปี 2564 จากปัจจุบันใช้เอทานอลผลิตแก๊สโซฮอล์ 4.2 ล้านลิตร/วัน
แต่ธุรกิจพลังงาน ซึ่งกลุ่มมิตรผลวางไว้เป็นขาธุรกิจที่สองรองจากกลุ่มน้ำตาล รวมกับอีก 3 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องจากธุรกิจหลักที่เหลือ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจไร่ กลุ่มธุรกิจปาร์ติเกิลบอร์ด และกลุ่มธุรกิจด้านการลงทุนและการค้า สร้างรายได้ราว 30% ก็เป็นขาธุรกิจเข้ามาช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับธุรกิจน้ำตาลหากราคาน้ำตาลโลกตกต่ำ โดยนับตั้งแต่ปี 2555-2557 ราคาน้ำมันตกต่ำจาก 24 เซนต์/ปอนด์ เหลืออยู่ระดับ 17-18 เซนต์/ปอนด์ เพราะกำลังผลิตโลกล้นตลาด
ขณะที่ธุรกิจต่างประเทศใน 3 ประเทศ คือ จีน ลาว และออสเตรเลีย มุ่งปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อให้ผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย โดยมิตรผลมีโรงงานผลิตน้ำตาล 7 แห่ง ที่มณฑลกวางสี กำลังการผลิตรวม 10 ล้านตันอ้อย/ปี หรือคิดเป็นการผลิตน้ำตาล 1.3 ล้านตัน/ปี ส่วน ลาว เมืองสะหวันนะเขต มีกำลังการผลิต 5 แสนตันอ้อย/ปี ผลิตน้ำตาล 6 แสนตัน/ปี และการเข้าถือหุ้นบริษัท เมรี เบอโรว์ ชูการ์ แฟคตอรี (เอ็มเอสเอฟ) มีกำลังการผลิต 4.7 ล้านตันอ้อย/ปี คิดเป็นผลผลิตน้ำตาล 5.5 แสนตัน/ปี
“ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มิตรผลได้รับผลกระทบบ้างจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่เราทำแผนงานล่วงหน้าและเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของตลาดตลอดเวลา ส่วนการส่งออกมีอัตราการเติบโตดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 แต่มั่นใจว่าตลาดภายในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวได้ดีในไตรมาส 3 และ 4 และผลักดันให้รายได้ของบริษัทเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา หรือมีรายได้ร่วม 1 แสนล้านบาทได้ตามเป้าหมาย” กฤษฎา กล่าว
สำหรับขาธุรกิจกลุ่มพลังงานภายใต้ร่มเงามิตรผล เตรียมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตเอทานอล โดยใช้โมเดลนำพืชพลังงาน “อ้อย” ขยายผลไปพืชพลังงานอื่นๆ ซึ่งนำร่องด้วยมันสำปะหลัง นับเป็นก้าวใหม่ของมิตรผล
ประวิทย์ ประกฤตศรี กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจพลังงาน บริษัท มิตรผล ไบโอฟูเอล ผู้ผลิตเอทานอลในกลุ่มมิตรผล กล่าวว่า ขาธุรกิจพลังงานเป็นหมากอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจของมิตรผลที่สำคัญ ปัจจุบันมีกำลังผลิตเอทานอล 1.1 ล้านลิตร/วัน มากที่สุดในประเทศ บริษัทจึงวางแผนขยายกำลังการผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้น ทุ่มงบลงทุน 700 ล้านบาท ปลูกมันสำปะหลังพืชทดแทนพลังงาน 1 หมื่นไร่ ที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
นอกจากนี้ ยังเตรียมนำโมเดลปลูกพืชพลังงานทดแทนขยายผลอย่างต่อเนื่อง รองรับกับความต้องการตลาดเป็น 7 ล้านลิตร/วัน หลังจากปีที่ผ่านมาตลาดเอทานอลมีอัตราการเติบโตถึง 60% ได้รับอานิสงส์จากนโยบายรถคันแรก ขณะที่ปี 2557 ตลาดแก๊สโซฮอล์ อี85 และอี20 พลังงานทางเลือกอีกหนึ่งตัวมีอัตราการเติบโต 10% โดยบริษัทสามารถพัฒนาเอทานอลให้สามารถผสมและจ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85 ได้ทันทีภายในโรงงานผลิตเอทานอลที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ด้วยกำลังการผลิตรวมกว่า 5 แสนลิตร/วัน
“แนวทางของ คสช.คงไม่ยุบกองทุนน้ำมันฯ แต่คงมีแนวทางที่จะสร้างความเป็นธรรม และเชื่อว่าจะส่งเสริมให้ภาคเอกชนปลูกพืชพลังงาน ลดการพึ่งพาพลังงานที่นำเข้าอย่างแน่นอน” ประวิทย์ กล่าว
ด้านกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า ยังเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้และผลกำไรให้เติบโตอีกทางหนึ่ง จากปัจจุบันมิตรผลมีกำลังการผลิตไฟฟ้าชีวมวล 15 เมกะวัตต์ จากการผลิตของโรงงานน้ำตาล 6 แห่ง โดยผลิตเพื่อจำหน่าย 8 เมกะวัตต์ ที่เหลือ 7 เมกะวัตต์ ใช้เอง ขณะที่กำลังการผลิตโรงไฟฟ้ามีราว 400 เมกะวัตต์
กฤษฎา กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาสินค้า ทุ่มงบปีนี้ราว 200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.2% ของรายได้รวม โดยมีนักวิจัยร่วม 80 คน ล่าสุดได้ทดลองทำระบบฟาร์มที่ทันสมัยที่สุด ใช้เครื่องจักร ระบบการขนส่งที่ทันสมัย ลดการใช้แรงงานคน ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยต้นทุนของบริษัทลดลง และเพิ่มประสิทธิภาพการตัดอ้อยได้เร็วยิ่งขึ้น
ส่วนกลุ่มธุรกิจน้ำตาล ท่ามกลางราคาน้ำตาลที่ตกต่ำตามวัฏจักรของธุรกิจช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ อัมพร กาญจนกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจน้ำตาลไทย บริษัท น้ำตาลมิตรผล กล่าวว่า การขับเคลื่อนธุรกิจน้ำตาลภายในประเทศ มุ่งสร้างน้ำตาลเป็นสินค้าสร้างมูลค่าเพิ่ม ด้วยการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ สร้างโอกาสการใช้สินค้าตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบาย จากผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำเชื่อม สำหรับผสมกับเครื่องดื่มชนิดต่างๆ จะช่วยสร้างรายได้กลุ่มให้เติบโตจากปัจจุบันมีฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมถึง 70% และผู้บริโภคในครัวเรือน 30%
มิตรผลสนับสนุนแนวทางการจัดทำโซนนิ่งพื้นที่เกษตรกรรม ปัจจุบันไทยปลูกข้าวมากเกินไปในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม ผลผลิตก็จะได้น้อย หากสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกอ้อยจาก 78 ล้านไร่ เป็น 10 ล้านไร่ในไทย กำลังการผลิตน้ำตาลของไทยจะเทียบเท่ากับบราซิล ปัจจุบันมีกำลังผลิต 34 ล้านตัน เป็นผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับหนึ่งของโลก ส่วนไทยเป็นอันดับ 2 กำลังการผลิต 10.511 ล้านตัน
นับจากนี้ ต้องจับตากลุ่มมิตรผลกับการรุกกระจายความเสี่ยงจากอ้อยน้ำตาล ไปพลังงานจากมันสำปะหลังและธุรกิจที่ต่างประเทศ ซึ่งมิตรผลสร้างแบรนด์ให้น้ำตาลก่อนหน้านี้ไว้กว่า 10 ปี เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2558
สร้างแบรนด์น้ำตาลในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะการเปิดตลาดอาเซียน ส่วนขาธุรกิจพลังงาน แม้ว่าจะยังไม่ใช้ธุรกิจหลักแต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนรายได้กลุ่มพลังงานเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากเพียง 6% ในปี 2552 เพิ่มเป็นร่วม 30% สะท้อนว่าธุรกิจพลังงานขาที่สองมาถูกทาง และนับวันความต้องการของตลาดจะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูน


