แลนด์ฯ VS พฤกษา ปรับกระบวนทัพรับแข่งเดือด
ถือเป็นผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ 2 รายในวงการอสังหาริมทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และพฤกษา เรียลเอสเตท ที่มีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ในเวลาไล่เลี่ยกัน เริ่มจาก แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่เพิ่งโปรโมตให้ นพร สุนทรจิตต์เจริญ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ เข้ามาบริหารงานแทน อนันต์ อัศวโภคิน อย่างเต็มตัว
ถือเป็นผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ 2 รายในวงการอสังหาริมทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และพฤกษา เรียลเอสเตท ที่มีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ในเวลาไล่เลี่ยกัน เริ่มจาก แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่เพิ่งโปรโมตให้ นพร สุนทรจิตต์เจริญ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ เข้ามาบริหารงานแทน อนันต์ อัศวโภคิน อย่างเต็มตัว
ในขณะเดียวกัน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้เริ่มขยับเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการก่อสร้างมาใช้มากขึ้น เริ่มจากการหวนนำระบบก่อสร้างพรีแฟบกลับมาใช้อย่างจริงๆ จังๆ อีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาแรงงานก่อสร้างที่กำลังขาดแคลน และได้มีการบุกตลาดแมสคอนโดมิเนียม คอนโดมิเนียมขนาดเริ่มต้น 20 ตร.ม.ในทำเลพระราม 2
ล่าสุด แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้เสริมเขี้ยวเล็บให้กับโครงการบ้านแนวราบ โดยได้เปิดตัว LH Smart เทคโนโลยีใหม่มาใช้สร้างคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัยให้ดีขึ้น
ชัยยุทธ ชินมหาวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า บริษัทได้ต่อยอดการพัฒนาโครงการบ้านจากแนวคิดบ้านสบายที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2542 และต่อเนื่องด้วยบ้านสบายสร้างเสร็จก่อนขาย โดยได้นำระบบ LH Smart เทคโนโลยี Air Plus บ้านหายใจได้ มาใช้ หลังจากที่ได้พัฒนานวัตกรรมมานาน 5 ปี ซึ่งอาศัยแนวคิดในการนำความรู้จากบ้านไทยในอดีตมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีปัจจุบัน โดยได้เริ่มนำมาใช้กับโครงการบ้านแบรนด์มัณฑนาระดับราคาขาย 615 ล้านบาท และมีแผนว่าจะนำไปใช้กับโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ทุกแบรนด์ภายใน 1 ปีครึ่ง
ทั้งนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อทำให้อากาศภายในบ้านไหลเวียนตลอดเวลา แม้ไม่ได้เปิดหน้าต่าง ไม่ทำให้บ้านเหม็นอับ ทำให้เกิดบรรยากาศสดชื่นภายในบ้าน ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าการลงทุน 1% ของราคาบ้าน
ขณะที่ พฤกษา เรียลเอสเตท ก็ลุกขึ้นมาปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยดึง “เลอศักดิ์ จุลเทศ” อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เข้ามานั่งตำแหน่งใหม่ “รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ”
ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ย้ำว่า องค์กรที่จะเติบโตไปข้างหน้าจะต้องมีมืออาชีพเข้ามาดูแล เสริมทัพในเรื่องการบริหารจัดการองค์กรและบุคคล
“ผมเหมือนเถ้าแก่ที่เข้าใจเรื่องกลยุทธ์การทำตลาดได้ดี แต่ถ้าเรื่องการบริหารจัดการ ก็ต้องเป็นมืออาชีพ ไม่ผูกพันกับบุคคล เมื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่อยู่ องค์กรก็ต้องอยู่ได้ และเดินหน้าต่อไป โดยพฤกษามีเป้าหมายที่จะติด 1 ใน 10 ของบริษัทอสังหาฯ แห่งเอเชีย จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 25”
สำหรับการดึงอดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสินเข้ามาเสริมทัพ เพราะมองว่าธนาคารออมสินเป็นองค์กรใหญ่ และประสบการณ์จากวงการการเงินของผู้บริหารคนใหม่ นอกจากเสริมทัพด้านบริหาร ด้านการเงินแล้ว ยังเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องการกู้ไม่ผ่านของผู้ซื้อบ้านด้วย เพราะคนที่จองบ้านแล้ว ถือเป็นคนที่แสดงความจำนงว่าอยากมีบ้าน หน้าที่ของพฤกษา คือ ทำให้ลูกค้าได้บ้าน
เลอศักดิ์ กล่าวว่า พันธกิจแรกที่อยากจะทำ คือ การจัดการปัญหาร้องเรียนที่มี โดยจะดึงทุกเรื่องร้องเรียนมาดู และเร่งจัดการให้ลูกค้า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นฐานข้อมูลในการปรับปรุงและพัฒนาสินค้าขององค์กรต่อไปด้วย
นอกจากนี้ พฤกษายังจัดกลุ่มธุรกิจใหม่ออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยว กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจโครงการพิเศษ เช่น คอนโดมิเนียมในซอยขนาดเล็กที่กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมไม่ได้ทำ โดยแต่ละกลุ่มธุรกิจจะมีกรรมการผู้จัดการดูแลโดยเฉพาะเจาะจง
การปรับโครงสร้างลักษณะนี้มีเป้าหมายให้ผู้บริหารแต่ละกลุ่มธุรกิจบุกหนักในส่วนที่รับผิดชอบ เหมือนมีจุดโฟกัสที่มากขึ้น อาจเปรียบได้กับการเป็นบริษัทย่อยบริษัทหนึ่งที่ต้องผลักดันสินค้าที่รับผิดชอบออกสู่ตลาดให้ได้มากที่สุด
เมธา จันทร์แจ่มจรัส กรรมการผู้จัดการ ดูแลในส่วนของกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า การแยกเป็นกลุ่มธุรกิจทำให้แต่ละกลุ่มธุรกิจมีเป้าหมายการเติบโตที่ชัดเจน เฉลี่ยอยู่ที่ 25% ต่อปี ส่วนกลุ่มธุรกิจต่างประเทศจะต้องเติบโตมากกว่านั้น เพราะฐานยังเล็กมาก
ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการผู้จัดการ ดูแลในส่วนของกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า พันธกิจสำคัญในส่วนนี้มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้พฤกษาเป็นเบอร์ 1 ของตลาดคอนโดมิเนียมภายใน 4 ปี จากปัจจุบันเป็นอันดับ 4 เพราะมองว่าภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย 60% ถ้าไม่สามารถเป็นเบอร์ 1 ของตลาดคอนโดมิเนียมได้ อนาคตก็ยากจะรักษาความเป็นเบอร์ 1 ของทั้งหมดได้
ทั้งนี้ ในอีก 4 ปี ตลาดรวมคอนโดมิเนียมคาดว่าจะแตะ 2 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.6 แสนล้านบาท โดย แสนสิริ เป็นเบอร์ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 7% รองลงมาเป็น แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ และพฤกษาเป็นอันดับ 4 ด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 45% หากจะเป็นเบอร์ 1 จะต้องมีส่วนแบ่งตลาดอย่างน้อย 10%
กลยุทธ์หลักของการก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดดังกล่าว อยู่ที่การบุกทุกเซ็กเมนต์ จะเน้นทั้งทำเลใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ชุมชน โดยครึ่งปีหลังจะมีคอนโดมิเนียมใหม่ 9 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท คาดสิ้นปีมียอดขายคอนโดมิเนียม 1.1 หมื่นล้านบาท และรับรู้รายได้ 8,000 ล้านบาท
จับความเคลื่อนไหวการปรับทัพ เสริมเขี้ยวเล็บของ 2 บิ๊กอสังหาฯ ครั้งนี้ บอกได้เลยว่า ตลาดบ้านในอนาคตอันใกล้ร้อนระอุขึ้นแน่นอน


