posttoday

น้ำอัดลมชูไซส์ซิ่งชิงแชร์กระเพาะทุกที่ทุกโอกาส

20 พฤษภาคม 2556

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

ตลาดน้ำอัดลมช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่ง 3 ยักษ์ โค้ก เป๊ปซี่ กับเอส กำลังเปิดศึกแบบจัดเต็มทุกรูปแบบปีนี้ กลยุทธ์หนึ่งที่นำมาใช้เพิ่มโอกาสการดื่มกันมากช่วงนี้ คือ การออกบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายขนาดหรือไซส์ซิ่ง เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การดื่มของผู้บริโภคในบ้านยันนอกบ้าน รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มขาบนชั้นวางสินค้าในร้าน ขยายโอกาสให้มองเห็น ณ จุดขายและถูกหยิบไปดื่ม โดยมีคู่รักคู่แค้นเก่าเอสกับเป๊ปซี่ซัดกันที่กระป๋องขนาดจิ๋ว

จากการสำรวจตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม เป๊ปซี่ โค ได้ออกบรรจุภัณฑ์กระป๋อง ขนาด 245 มล. ราคา 12 บาท ในกลุ่มน้ำอัดลมเป๊ปซี่ เป๊ปซี่ แม็กซ์ และมิรินด้า ซึ่งถือว่าเป็นขนาดใหม่ จากปกติบรรจุภัณฑ์กระป๋องโค้กและเอส ขนาด 325 มล. ราคา 13-14 บาท

ก่อนหน้านี้ จา–กรูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่โคล่า ผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมเป๊ปซี่ เปิดเผยว่า กลยุทธ์การทำตลาดบริษัทจะวางราคาและบรรจุภัณฑ์หลากหลายขนาดให้สอดคล้องกับโอกาสการดื่มที่หลากหลายทั้งในบ้าน นอกบ้าน ร้านอาหาร ฯลฯ

สำหรับเป๊ปซี่หลังจากเลิกทำบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วชนิดคืนขวดหรืออาร์ทีบี เมื่อสิ้นสุดสัญญากับผู้ผลิตจำหน่ายหรือบอตเลอร์ บริษัท เสริมสุข เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2555 ได้เดินหน้าใช้กลยุทธ์ไซส์ซิ่ง หรือออกบรรจุภัณฑ์ที่มีหลากหลายขนาด ปัจจุบันมี 7 ขนาด ได้แก่ 1.เป๊ปซี่ ขวดเพ็ทขนาด 410 มล. ราคา 15 บาท และ 2.ขนาด 1 ลิตร 24 บาท 3.ขนาด 1.45 ลิตร ราคา 29 บาท และ 4.เป๊ปซี่ แม็กซ์ ขนาด 550 มล. ราคา 18 บาท

ขณะที่กลุ่มน้ำสีมิรินด้าและเซเว่นอัพออกขนาดที่ 5 หรือ 440 มล. ราคา 15 บาท ขนาดที่ 6.กระป๋อง 325 มล. ราคา 14 บาท และล่าสุดขนาดที่ 7.กระป๋องขนาด 245 มล. ราคา 12 บาท เริ่มวางจำหน่ายช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นแห่งแรก หลังจากนั้นจะทยอยวางจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกช่องทาง

แหล่งข่าววงการเครื่องดื่ม กล่าวว่า การออกกระป๋อง ขนาด 245 มล. ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของเป๊ปซี่มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพราะด้วยขนาดกระป๋องยาวและเล็กลง สอดคล้องกับพฤติกรรมการดื่มของผู้ที่ไม่ต้องการดื่มน้ำอัดลมในปริมาณมาก ซึ่งเชื่อว่าขนาดดังกล่าวจะสามารถขยายฐานกลุ่มผู้หญิงได้มากขึ้น

ฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำอัดลมเอส เปิดเผยว่า การวางกลยุทธ์ไซส์ซิ่งด้วยการมีบรรจุภัณฑ์หลากหลายขนาด เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกโอกาสการดื่มทั้งนอกบ้านและในบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของการทำตลาดน้ำอัดลมและรวมทั้งของเอส

ทั้งนี้ เดือน เม.ย.ที่ผ่านมานี้ เอส ได้เปิดตัวขนาด 250 มล. 10 บาท เจาะร้านค้าทั่วไป ส่งผลให้เอสมีทั้งหมด 8 ขนาด ได้แก่ ขวดแก้ว 12 ออนซ์ ราคา 8 บาท เน้นทำตลาดช่องทางร้านอาหาร ขวดเพ็ท ขนาด 1 ลิตร ราคา 20 บาท คูลแฮนด์ 250 มล. ราคา 10 บาท ขวดเพ็ท 455 มล. ราคา 12 บาท ขวดเพ็ท 480 มล. ราคา 15 บาท กระป๋อง 325 มล. ราคา 14 บาท และตู้กด

“นับตั้งแต่เอสเปิดตัวเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ยอดขาย 6 เดือน สร้างสถิติทะลุ 4,000 ล้านบาท โดยมาจากการออกขนาดใหม่ เอส มินิ แคมเปญการตลาด ช่องทางจัดจำหน่ายแข็งแกร่ง และสภาพอากาศร้อนที่มาเร็วและยาวนาน มั่นใจว่าเราจะสามารถผลักดันยอดขายเอสถึง 8,000 ล้านบาทในปีแรกตามเป้าอย่างแน่นอน” ฐิติวุฒิ์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาท ในปีนี้เติบโต 7% โค้กเป็นผู้นำตลาด มีส่วนแบ่งในตลาดน้ำอัดลมโดยรวม 55.5% เป๊ปซี่กว่า 30% เอส โคล่า 78% และบิ๊กโคล่า 78% ส่วนตลาดน้ำดำมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท โค้กมีส่วนแบ่ง 50% ส่วนที่เหลืออีก 50% แบ่งเป็น 3 ค่าย คือ เป๊ปซี่ เอส และบิ๊กโคล่า

น้ำอัดลมจัดว่าเป็นสินค้าที่ไม่มีนวัตกรรมมากนัก ดังนั้น โอกาสการขยายตลาดด้วยไซส์ซิ่ง จึงเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยผลักดันยอดขายที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกที่ทุกโอกาส เกมการตลาดครั้งนี้จึงน่าติดตามว่าจะมีขนาดอะไรออกมาเขย่าตลาดเพิ่มจากกระป๋องจิ๋วที่ซดกันซ่าจนฟองกระจายเช่นนี้

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์