ไขกลยุทธ์ Meta ทุ่มอภิมหาค่าจ้าง โบนัสหลัก 100 ล้าน แย่งตัวท็อป AI

 

Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram กำลังทุ่มเงินมหาศาลเพื่อช่วงชิงบุคลากรด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระดับโลก ล่าสุด สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า

 

Meta ได้เสนอแพ็กเกจค่าตอบแทนสุดช็อกกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อดึงตัว Ruoming Pang อดีตวิศวกรผู้ทรงคุณวุฒิ และหัวหน้าทีมโมเดล AI คนสำคัญจาก Apple

 

มาร่วมทีม "Superintelligence" ที่กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยี AI ล้ำยุคให้ฉลาดล้ำเหนือมนุษย์

 

แหล่งข่าววงในให้ข้อมูลกับ Bloomberg ว่า ข้อเสนอของ Meta ที่ยื่นให้กับหัวหน้าทีมโมเดล AI คนสำคัญจาก Apple นั้นครอบคลุมระยะเวลาหลายปี และเป็นตัวเลขที่สูงลิ่วจน Apple เองก็ไม่สามารถสู้ได้ 

 

แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงของ Apple เอง (ยกเว้น Tim Cook ซีอีโอ) ก็ยังไม่ได้รับค่าตอบแทนที่สูงขนาดนี้ ทำให้ Apple ตัดสินใจไม่ยื่นข้อเสนอสู้เพื่อรั้งตัว Ruoming Pang ไว้

 

ค่าตอบแทนระดับ "ช็อกวงการ" นี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับ Meta ในการดึงตัวบุคลากรระดับหัวกะทิเข้าสู่ทีม Superintelligence ที่มีเป้าหมายทะเยอทะยานในการสร้างระบบ AI ที่ทำงานได้ดีเท่าหรือดีกว่ามนุษย์ 

 

ทีมนี้ยังรวมถึงบุคคลที่โดดเด่นในแวดวงเทคโนโลยีอย่าง Nat Friedman อดีตซีอีโอของ GitHub และ Daniel Gross ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ AI

 

นอกจากนี้ Meta ยังได้แต่งตั้ง Alexandr Wang ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่าย AI (Chief AI Officer) โดยการเข้าถือหุ้น 49% ในบริษัท มูลค่ากว่า 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว

 

อย่างไรก็ตาม ทั้ง Meta และ Apple ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้

 

 

 

สงครามแย่งชิงหัวกระทิ AI ทวีความดุเดือด ค่าตอบแทนพุ่งกระฉูด

 

หากมองในแง่ตัวเลขล้วนๆ ทีม Superintelligence ของ Meta มีค่าตอบแทนที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับงานอื่นๆ ในองค์กร ไม่เว้นแม้แต่ตำแหน่งซีอีโอของธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลก

 

แต่ก็ต้องบอกว่ารายได้จำนวนมหาศาลนี้ส่วนใหญ่ผูกติดอยู่กับเป้าหมายด้านประสิทธิภาพ และจะได้รับเต็มจำนวนก็ต่อเมื่อทำงานครบตามระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น

 

นั่นหมายความว่าพนักงานอาจไม่ได้รับเงินทั้งหมด หากลาออกก่อนกำหนด หรือราคาหุ้นของบริษัทไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

 

 

เจาะลึกโครงสร้างค่าตอบแทน: เงินเดือน โบนัส และหุ้นผูกมัดระยะยาว

 

แพ็กเกจค่าตอบแทนสำหรับบุคลากรที่เข้ามาทำงานใน Meta Superintelligence Labs (MSL) ประกอบด้วยเงินเดือนพื้นฐาน โบนัสแรกเข้า และที่สำคัญคือ หุ้นของ Meta ซึ่งถือเป็นส่วนที่มีน้ำหนักมากที่สุดในแพ็กเกจ 

 

โดยเงินเดือนและโบนัสแรกเขามักจะจ่ายเป็นเงินสดก้อนโต และในกรณีที่ผู้ที่ถูกดึงตัวจะต้องสละหุ้นจากสตาร์ทอัพเดิมที่เคยทำงานอยู่ โบนัสแรกเข้าอาจถูกปรับให้สูงขึ้นเพื่อชดเชยโอกาสที่เสียไป 

 

สำหรับส่วนของหุ้น Meta มักจะระบุไว้ในสัญญาว่าการจ่ายเงินปันผลจะขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดที่ชัดเจน เช่น ราคาหุ้นของ Meta ที่ต้องเติบโตอย่างน้อยตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดในแต่ละปี 

 

นอกจากนี้ ในหลายๆ กรณี พนักงานใหม่ยังต้องเซ็นสัญญาเข้าร่วมงานในระยะยาวเกินกว่าตารางการให้สิทธิ์ในหุ้น (vesting schedule)  ตามปกติสี่ปี

 

รายละเอียดใหม่ของโครงสร้างค่าตอบแทนนี้ถูกเปิดเผยขึ้นหลังจาก Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาแฉสงครามการแย่งชิงบุคลากร AI กับ Meta ผ่านพอดแคสต์กับน้องชายของเขาเมื่อเดือนมิถุนายน 

 

Sam Altman เผยว่า Meta ได้เสนอโบนัสการเซ็นสัญญาให้กับพนักงานของเขาที่สูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกับแพ็กเกจค่าตอบแทนโดยรวมที่สูงกว่านั้น เพื่อดึงตัวเข้าร่วมทีม Superintelligence 

 

ซีอีโอของ OpenAI บอกเป็นนัยว่าพนักงานของเขายังคงเลือกที่จะอยู่กับ OpenAI เพราะบริษัทมีวัฒนธรรมองค์กรและชื่อเสียงด้านนวัตกรรมที่เหนือกว่า

 

 

Mark Zuckerberg ไม่สนเสียงวิจารณ์ เดินหน้าดึงตัวกระทิ AI ต่อ

 

แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากอัลต์แมน แต่ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ก็ยังคงเดินหน้าอย่างไม่ลดละ

 

และประสบความสำเร็จในการจ้างนักวิจัยจาก OpenAI ได้มากกว่า 10 คน รวมถึงนักวิจัยและวิศวกรชั้นนำจาก Anthropic, Google และสตาร์ทอัพอื่นๆ อีกมากมาย

 

ในขณะที่สงครามการแย่งชิงบุคลากรยิ่งดุเดือดขึ้น Sam Altman กล่าวว่า เขาไม่ได้พูดคุยกับ Zuckerberg เลย นับตั้งแต่ที่ผู้ก่อตั้ง Meta เริ่มต้นภารกิจในการดึงตัวบุคลากรแถวหน้าของ OpenAI ไป 

 

แต่เขาก็กำลังตั้งตารอการประชุมที่ Allen & Co. ใน Sun Valley, Idaho สัปดาห์นี้ และ "ตั้งหน้าตั้งตารอคอย" การพบกันครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อ