posttoday

Tesla มูลค่าทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังรับออเดอร์ล็อตใหญ่

26 ตุลาคม 2564

Tesla รับออเดอร์รถ EV จำนวน 1 แสนคันจากบริษัท Hertz คาดโกยเงิน 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ

หลังจากที่บริษัท Hertz ผู้ให้บริการเช่ารถยนต์ยักษ์ใหญ่ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าได้สั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla จำนวน 100,000 คัน ถือเป็นคำสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่ที่สุด ส่งผลให้ Tesla มีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรก

รายงานระบุว่าเป็นมูลค่าที่สูงกว่ามูลค่าของบริษัท General Motors, Toyota, Ford, Volkswagen, BMW, Honda และผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ รวมกันเสียอีก ขณะที่หุ้นของ Tesla พุ่งขึ้นเกือบ 13% ดีดตัวเหนือระดับ 1,045 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในปีที่แล้วท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19

เช่นเดียวกับ Hertz ซึ่งมีราคาหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 10% และประกาศว่าบริษัทมีแผนที่จะจดทะเบียนใน Nasdaq ด้วย

ขณะที่ Elon musk มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 36.2 ล้านเหรียญสหรัฐภายในคืนเดียว โดยขณะนี้มีมูลค่าทรัพย์สินรวมอยู่ที่ 289,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามดัชนี Bloomberg Billionaires ซึ่งมากกว่าทรัพย์สินของ Bill Gates และ Mark Zuckerberg รวมกัน

Bloomberg ระบุว่าคำสั่งซื้อดังกล่าวของ Hertz จะสร้างรายได้ให้กับ Tesla ถึง 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย Elon musk เผยว่ารถยนต์ที่ขายให้กับ Hertz จะคิดราคาตามปกติโดยไม่มีส่วนลดใดๆ ขณะที่ Hertz ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมูลค่าของข้อตกลงดังกล่าว

โดยผู้ใช้บริการของ Hertz ในสหรัฐและยุโรปจะสามารถเช่ารถยนต์ไฟฟ้า Tesla ได้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน โดยบริษัทมีแผนที่จะติดตั้งที่ชาร์จอีกหลายพันเครื่อง

ในระยะหลังมานี้รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นกระแสหลักซึ่งได้รับความต้องการและความสนใจจากทั่วโลกมากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 บริษัท นอกจากจะทำให้ Hertz มีความแตกต่างจากบริษัทเช่ารถรายอื่นๆ แล้วยังทำให้รถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น

ทั้งนี้ ผลกำไรของ Tesla แข็งแกร่งขึ้นและมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดโรงงานแห่งใหม่ในประเทศจีนเมื่อปลายปี 2019 และกำลังจะมียอดขายทะลุ 1 ล้านคันในปีนี้ แต่ก็ยังคงมีเสียงเรียกร้องเกี่ยวกับปัญหาของระบบ Autopilot

ก่อนหน้านี้มีเพียงไม่กี่บริษัทที่มีมูลค่าแตะล้านล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ Apple, Amazon and Microsoft

Photo by JOHN THYS / AFP