posttoday

ถึงเวลาโต้กลับกระแสไม่เชื่อถือวัคซีนและการด้อยค่าวิทยาศาสตร์

10 พฤษภาคม 2564

สรุปบทความของนายแพทย์ Dr. Peter Hotez ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2021

หมายเหตุ - นายแพทย์ ดร. ปีเตอร์ โฮเตซ (Peter Hotez) เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงด้านวัคซีนที่ Baylor College of Medicine และ Texas Children’s Hospital ในเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส เขายังเป็นนักเขียนด้านการแพทย์ หนังสือเล่มล่าสุดของเขาคือ Preventioning the Next Pandemic: Vaccine Diplomacy in a Time of Anti-Science (การป้องกันการระบาดใหญ่ครั้งต่อไป: นโยบายการทูตในห้วงเวลาของการต่อต้านวิทยาศาสตร์)

1. มีการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 เกือบหนึ่ง 1,000 ล้านโดสภายในเวลาไม่ถึง 6 เดือน แต่เพราะข้อมูลการต่อต้านวัคซีนและการโจมตีแบบมุ่งเป้าไปที่นักวิทยาศาสตร์กำลังบ่อนทำลายความก้าวหน้าในการฉีดวัคซีน มันบ่อนทำลายความพยายามในการป้องกันการระบาดอย่างรุนแรง เราทุกคนจะต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามเหล่านี้โดยตรง เพราะทางการและคนในวงการสาธารณสุขไม่มีกำลังพอที่จะต่อต้านพวกมันได้เพียงลำพัง

2. องค์การอนามัยโลกยอมรับว่าความกังขาในตัววัคซีนเป็นภัยคุกคามอันดับต้นๆ ต่อระบบสาธารณสุขของโลกตั้งแต่ก่อนการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ปีเตอร์ โฮเตซเผยว่าเขาได้ร่วมการประชุมกับผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำเพื่อร่วมกันผลิตชุดข้อมูลที่อิงกับหลักฐานเพื่อให้หน่วยงานสาธารณะประกาศต่อผู้คนที่กังวลกับการฉีดวัคซีน แต่ ดร. ปีเตอร์ โฮเตซบอกว่าเขารู้สึกถึงบรรยากาศที่สิ้่นหวังระหว่างการประชุม และรู้ว่าชุดข้อมูลพวกนี้ไม่เพียงพอ

3. เคยมีตัวอย่างมาแล้วในความพยายามของผู้เชี่ยวชาญในการป้องกันไม่ให้โรคหัดกลับมาในสหรัฐและยุโรปในปี 2019 และเพื่อเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งอื่นๆ ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จเพราะกระแสต้านวัคซีนมีมาก และการฉีดวัคซีนโควิด-19 กำลังจะเจอสถานการณ์เดียวกัน แม้ว่าจะปล่อยข้อมูลจริงออกไป ก็เหมือนหยดน้ำจืดแค่นิดหน่อยลงในน้ำทะเลอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยข้อมูลผิดๆ และข่าวปลอม

4. ปัจจุบันกลุ่มต่อต้านวัคซีนมีเว็บไซต์หลายร้อยเว็บไซต์ (ในกรณีของสหรัฐ ในกรณีของไทยคือเพจโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ปล่อยข่าวปลอมและสื่อที่ขาดความรับผิดชอบบางราย) และอาจมีผู้ติดตาม 58 ล้านคนบนโซเชียลมีเดีย (คาดว่าเฉพาะในสหรัฐ) ดร. ปีเตอร์ โฮเตซบอกว่าคนไม่ดีกำลังได้รับชัยชนะ (The bad guys are winning) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน่วยงานด้านสุขภาพประมาทหรือไม่ยอมแยแสกับพวกต่อต้านวิทยาศาสตร์ และยังไม่มีความพร้อมที่จะตอบโต้ด้วย

5. ปัญหาต่อต้านวัคซีนยังเป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศด้วย จากการสอบสวนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐและกระทรวงการต่างประเทศของสหราชอาณาจักรพบว่าองค์กรข่าวกรองของรัสเซียพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของวัคซีนโควิด-19 ของชาติตะวันตก การทำเช่นนี้ก็เพื่อสั่นคลอนสหรัฐและประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ

6. แต่สหรัฐเองก็เป็นฐานที่มั่นของกลุ่มต่อต้านวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดและมีการจัดองค์การต่อต้านที่เยี่ยมสุดในโลก จากข้อมูลของศูนย์ต่อต้านความเกลียดชังดิจิทัล (Center for Countering Digital Hate) ซึ่งตั้งอยู่ในลอนดอน กลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลไม่ใช่ขบวนการรากหญ้าที่เกิดขึ้นเอง กลุ่มต่อต้านวัคซีนยังเล็งเป้าหมายไปที่ชุมชนคนผิวดำ โดยทำให้คนผิวดำคิดว่าพวกเขาเป็นหนูทดลองวัคซีนและปั่นกระแส "การเหยียดเชื้อชาติทางการแพทย์"

7. การส่งข้อความต่อต้านวัคซีนทั่วโลกเกี่ยวกับวัคซีนอะดีโนไวรัส (adenovirus vaccines เช่นของ AstraZeneca และ Johnson & Johnson ) จะทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นและการระบาดจะยืดเยื้อ การอุดตันของเลือดเกิดขึ้นได้ยากมาก แต่ก็เป็นอันตรายถึงชีวิตทำให้สหรัฐหยุดการใช้งานวัคซีน Johnson & Johnson ชั่วคราวและหลายประเทศในยุโรปได้หยุดหรือจำกัดการใช้วัคซีน Oxford – AstraZeneca ด้วยเหตุผลที่คล้ายคลึงกัน

8. อย่างไรก็ตามชาติตะวันตกเหล่านั้นมีตัวเลือกวัคซีนอื่นๆ (หากพวกเขาไม่ใช้วัคซีนอะดีโนไวรัสเพราะกลับผลข้างเคียง พวกเขายังมีเงินซื้อวัคซีนชนิด mRNA เช่น Pfizer) ซึ่งหลายประเทศที่ยากจนทำแบบนั้นไม่ได้ ในเดือนมีนาคมแคเมอรูนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกหยุดการใช้วัคซีน Oxford – AstraZeneca และสหภาพแอฟริกาหยุดการจัดซื้อจัดจ้าง และหลายคนในแอฟริกากำลังหลงเชื่อข้อความต่อต้านวัคซีน

9. ตอนนี้วัคซีนหลายหมื่นโดสกำลังจะไม่ได้ใช้ ข้อมูลการต่อต้านวัคซีนได้เปลี่ยนคำถามและข้อกังวลที่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่หายากให้กลายเป็นความกังวลเกี่ยวกับการสมคบคิดความกลัวที่เกินจริงและทำให้ผู้คนเชื่อว่าพวกเขากำลังถูกปฏิบัติเหมือนเป็นหนูทดลอง

10. การส่งข้อมูลตอบโต้ที่ถูกต้องตรงเป้าหมายจากชุมชนด้านสาธารณสุขทั่วโลกมีความสำคัญ เช่นเดียวกับแรงกดดันจากสาธารณชนต่อบริษัทโซเชียลมีเดียที่เป็นแหล่งปล่อยข่าวปลอม แต่เรื่องนี้ยังไม่เพียงพอ จะต้องยกระดับเรื่องนี้เป็นความมั่นคงด้านไซเบอร์ และถึงขั้นยบกระดับเป็นความมั่นคงของโลกโดยมีหน่วยงานของสหประชาชาติรองรับรวมถึงใช้ผู้เชียวชาญจำเพาะเหมือนการต่อต้านการก่อการร้ายและสงครามนิวเคลียร์ เพราะ "การต่อต้านวิทยาศาสตร์กำลังเข้าใกล้ระดับอันตรายที่ใกล้เคียงกัน เป็นที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการเพิ่มภูมิคุ้มกันจำเป็นต้องมีการต่อต้าน (ข่าวปลอม) ไปพร้อมๆกัน"

สรุปจาก COVID vaccines: time to confront anti-vax aggression ในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2021

Photo by Asif HASSAN / AFP

ข่าวล่าสุด

สรุป 5 เทรนด์ธุรกิจปี 2026 คู่มืออยู่รอดของคนทำมาค้าขาย