posttoday

แบรนด์ยักษ์ใหญ่เล่นงานเฟซบุ๊ก บอยคอตโฆษณา เหตุไม่จัดการเฮทสปีชเหยียดผิว

27 มิถุนายน 2563

ซัคเกอร์เบิร์กยอมถอย คุมเข้มโพสต์ไม่เหมาะสมบนเฟซบุ๊ก หลังถูกหลายแบรนด์ยักษ์แห่รุมถอนโฆษณา

มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กออกมาแถลงระบุว่า เฟซบุ๊กจะเริ่มทำการติดแท็กแจ้งเตือนโพสต์และข้อความไม่เหมาะสมแล้ว ไม่เว้นแม้แต่โพสต์ของบุคคลสำคัญ หลังจากที่เฟซบุ๊กถูกบรรดาบริษัทเจ้าของแบรนด์ยักษ์ใหญ่หลายเจ้าแห่กันถอนโฆษณา

ความคืบหน้านี้มีขึ้น นับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญกับกระแสต่อต้านการเหยียดผิวจากกรณีของจอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งทวิตเตอร์ได้ใช้วิธีการแบนเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม รวมไปถึงข้อความที่ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีต แต่ตรงกันข้ามกับเฟซบุ๊กที่กลับนิ่งเฉยไม่จัดการใดๆกับข้อความที่มีลักษณะเดียวกันทั้งจากตัวผู้นำสหรัฐและนักการเมืองฝ่ายขวาหลายรายที่มีต่อเหตุการณ์ประท้วงต้านเหยียดสีผิว

ท่าทีอันนิ่งเฉยของเฟซบุ๊กดังกล่าว ส่งผลให้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาบรรดาแบรนด์สินค้าดังทั้งเจ้าเล็กและเจ้าใหญ่ไม่น้อยกว่า 100 บริษัท ประกาศไม่ซื้อหรือหั่นงบโฆษณาบนแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก อันเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ "Stop Hate for Profit" อาทิ ยูนิลิเวอร์ เวอร์ริซอน เบนแอนด์เจอร์รีย์ และยีนส์ลีวาย ประกาศยุติการโฆษณาบนเฟซบุ๊กและแพลตฟอร์มอื่นตลอดช่วงเดือนกรกฎาคม

ขณะที่โคคา-โคล่า ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าจะระงับการโฆษณาบนแพลตโซเชียลมีเดียทั้งหมดทั่วโลกเป็นเวลา 30 วัน ซึ่งแม้ทางโค้กจะระบุว่าไม่ได้เข้าร่วมการบอยคอตอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด เป็นเพียงการหยุดโฆษณาชั่วคราวเท่านั้น

ด้านบลูมเบิร์กระบุว่า กระแสบอยคอตโฆษณาของเฟซบุ๊กดังกล่าวทำให้หุ้นของบริษัทเฟซบุ๊กดิ่งลงถึง 8 จุด ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินของนายมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์กหายไปถึง 7 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2 แสนล้านบาท หล่นลงมาอยู่ที่อันดับ4ของเศรษฐีโลก