posttoday

การต่อต้านจีนกลายเป็นกระแสเหยียดคนเอเชียแบบเหมารวม

30 มกราคม 2563

หลังจากเกิดการระบาดขึ้น ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เชื้อโรคที่ถูกรังเกียจ แม้แต่มนุษย์ด้วยกันก็ยังรังเกียจกันเอง

หลังจากเกิดการระบาดขึ้น ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เชื้อโรคที่ถูกรังเกียจ แม้แต่มนุษย์ด้วยกันก็ยังรังเกียจกันเอง

ในตอนนี้จึงเกิดปรากฎการณ์ "คนอู่ฮั่นถูกคนจีนด้วยกันเหยียด คนจีนถูกคนเอเชียด้วยกันเหยียด คนเอเชียถูกชาวโลกเหยียด" เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่แค่การเล่นคำเท่ๆ

เริ่มจากคนจีนเหยียดคนอู่ฮั่น มีไกด์รายงานว่า บริษัทนำเที่ยวบางแห่งรับนักท่องเที่ยว 9 คน เมื่อไกด์สอบถามพบว่ามี 2 คน เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ปรากฏว่านักท่องเที่ยวรายอื่นๆ ซึ่งเป็นคนจีนด้วยกันไล่ 2 คน ลงจากรถทันที

คนจีนถูกคนเอเชียด้วยกันเหยียด ไม่ว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่นที่มีร้านค้าบางแห่งขึ้นป้ายไม่ต้อนรับชาวจีนจากเมืองอู่ฮั่น และที่เกาหลีใต้มีร้านอาหารในกรุงโซลปิดป้ายประกาศไว้ว่า "ห้ามคนจีนเข้า

อีกกรณีของเอเชียเหยียดกันเองเกิดขึ้นที่เวียดนาม สำนักข่าว Reuters รายงานว่า โรงแรม Danang Riverside ในเมืองดานังปิดแผ่นป้ายเอาไว้ที่ด้านนอกว่า "เพราะประเทศของคุณเริ่มที่จะแพร่เชื้อ เราจึงไม่ต้อนรับแขกจากประเทศจีน"

การเหยียดคนจีนเกิดจากความกลัวว่าคนจีนคนนั้นอาจมาจากอู่ฮั่นและอาจเป็นพาหะของไวรัส แต่บางคนก็อาจคิดเกินเลยไปแล้วว่าไม่ควรจะเข้าใกล้คนจีนทุกไม่ว่าจะด้วยประการทั้งปวง

มีรายงานบางกรณีในโซเชียลเน็ตในไทยที่สะท้อนถึงอาการรังเกียจคนจีน ซึ่งสื่อต่างประเทศอย่าง Reuters ได้รายงานเรื่องนี้ไปแล้วโดยหยิบเอาข้อความทวิตเตอร์ของคนไทยที่ต่อต้านคนจีนมาเผยแพร่ เรื่องนี้แม้จะเป็นกระแสโลกไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะไทย แต่ทำให้เสียภาพลักษณ์ของคนไทยในฐานะประเทศที่มีน้ำใจไมตรี และอาจจะกระทบไปถึงความรู้สึกของคนจีนต่อคนไทยไปด้วย

คนไทยบางคนอาจจะคิดว่าไม่อยากจะง้อคนจีน ซึ่งเรื่องนี้ห้ามกันไม่ได้ แต่สิ่งที่ควรตระหนักก็คือถึงเราไม่อยากได้คนจีนมาเป็นลูกค้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่เราไม่ควรจะขาดแคลนมนุษยธรรม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จีนกำลังลำบาก

เหมือนคำกล่าวที่ว่า "คนล้มอย่าข้าม" 

คนไทย คนเวียดนาม ญี่ปุ่น หรือเกาหลีที่รังเกียจคนจีนอาจรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิที่จะรังเกียจ แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่า การรังเกียจคนจีนกำลังขยายวงกลายเป็นการเหยียดคนเอเชียไปแล้ว

แน่นอนว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ยากที่เราจะรู้ได้ว่าใครเป็นคนจีน เกาหลี ญี่ปุ่น หรือแม้แต่คนไทยเชื้อสายจีน หรือคนเอเชียภูมิภาคอื่นๆ ที่บังเอิญหน้าตาคล้ายชาวเอเชียตะวันออก

เหมือนกับชที่คนไทยบอกว่า "ฝรั่งหน้าตาเหมือนกันหมด" ฝรั่งเองก็คิดในแบบเดียวกันว่า "คนเอเชียหน้าตาเหมือนกันหมด"

ความยากในการจำแนกว่าใครเป็นคนจีน ทำให้กระแสรังเกียจคนจีนกลายพันธุ์เป็นกระแสเหยียดคนเอเชียแบบเหมารวมในที่สุด อย่างน้อยเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นที่ยุโรปแล้ว

จากการรายงานของสำนักข่าว BBC หญิงฝรั่งเศสเชื้อสายเอเชียที่ชื่อ Cathy Tran (ซึ่งคาดว่ามีเชื้อสายเวียดนาม) เล่าว่าเธอถูกเหยียดตอนที่กำลังจะเดินทางไปทำงานว่า "ระวังนะ มีผู้หญิงจีนกำลังเดินมา" และอีกครั้งหนึ่งระหว่างที่เธอกำลังเดินอยู่ มีผู้ชายขับสกู๊ตเตอร์บอกให้เธอสวมหน้ากากอนามัยเสีย

อีกคนหนึ่งคือ Shana Cheng ชาวปารีสเชื้อสายเวียดนาม-กัมพูชาบอกว่าระหว่างที่เธอกำลังโดยสารรถประจำทางอยู่นั้นเธอถูกคนบนรถทั้งหนุ่มและแก่บอกว่า "มีผู้หญิงจีน เธอกำลังจะแพร่เชื้อใส่เรา" และคนอื่นๆ มองเธอด้วยสายตาที่รังเกียจราวกับเธอเป็นเชื้อโรค

กระแสเหยียดชาวจีนได้กลายเป็นกระแสเหยียดคนเอเชียแบบเหมารวมไปแล้ว และเกิดกระแสตอบโต้ของคนเอเชียในฝรั่งเศสด้วยแฮชเแท็ก #JeNeSuisPasUnVirus (ฉันไม่ใช่ไวรัส)

ที่แคนาดา สำนักข่าว Reuters รายงานว่า มีการเรียกร้องของผู้ปกครองให้ห้ามนักเรียนที่มีญาติที่เพิ่งเดินทางกลับจากจีนมาเข้าชั้นเรียน แต่ทางคณะกรรมการโรงเรียนปฏิเสธข้อเรียกร้อง และบอกว่าสถานการณ์เช่นนี้ "น่าเสียใจว่าจะนำไปสู่การมีอคติและความเกลียดชังโดยการเหมารวม"

แต่มีโรงเรียนเอกชนบางแห่งที่มีคำสั่งให้นักเรียนกักตัวเองเป็นเวลา 15 วันหากมีสมาชิกในครอบครัวเดินทางไปยังประเทศที่มีการยืนยันผู้ติดเชื้อ ปรากฎว่านักเรียนที่ไม่มาเข้าเรียนเป็นคนเอเชียทั้งหมด

สิ่งที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสและแคนาดาสะท้อนให้เห็นถึงความตื่นกลัวจนทำให้สมองไม่แล่น จนลืมนึกไปว่าคนที่เราระแวงนั้นอาจเป็นคนจีนด้วยกัน เป็นคนไทยด้วยกัน เป็นคนเอเชียด้วยกัน และเป็นชาวโลกด้วยกัน

ศาสตราจารย์ Tom Plate แห่งสถาบัน Pacific Century Institute ในสหรัฐได้เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ Korea Times ของเกาหลีใต้บอกว่า "ความรู้สึกต่อต้านจีนจะต้องหลีกทางให้กับการต่อสู้ไวรัส" (Anti-China sentiment must give way to fight virus) เพราะ "ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม เราอยู่ในโลกใบเดียวกัน ... เราจำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้"

เชื้อโรคมันไม่ได้เลือกเชื้อชาติ เราสามารถระวังตัวจากกลุ่มต้องสงสัยได้ แต่ไม่ควรแสดงอาการระแวง หรือเหยียดอย่างออกนอกหน้า นอกจากจะเป็นการกระทำที่เสียมารยาทและไร้อารยธรรมแล้ว ยังทำลายมิตรภาพที่ดีระหว่างชนชาติ

ประชาชาติต่างๆ สามารถร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคได้

บทวิเคราะห์โดย กรกิจ ดิษฐาน