ยูเอ็นเตือนโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ใหญ่ที่สุด

ประชาชนรวม 20 ล้านคน ใน 4 ประเทศกำลังเผชิญกับภาวะอดอยาก และโรคระบาด ยูเอ็นเรียกร้องความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ขณะนี้โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา นับตั้งแต่องค์กรสหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1945 ประธานฝ่ายมนุษยธรรมของยูเอ็นรายงานประชาชนราว 20 ล้านคน ใน 4 ประเทศกำลังเผชิญกับภาวะอดอยาก และโรคระบาด ได้แก่เยเมน, ซูดานใต้, โซมาเลีย และพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย

Stephen O'Brien รายงานปัญหาดังกล่าวกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า หากไม่มีความช่วยเหลือจากนานาประเทศ ผู้คนที่ได้รับผลกระทบจะอดตาย และอีกมากมายที่อาจเสียชีวิตจากโรคระบาด นอกจากนั้นยังเรียกร้องความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนทันที เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยต้องใช้เงินสนับสนุนช่วยเหลือเป็นจำนวน 4,400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ

เช่นในเยเมนจำนวน 2 ใน 3 ของประชากร หรือคิดเป็น 18.8 ล้านคนกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ส่วนอีก 7 ล้านคน O'Brien บรรยายว่าพวกเขาไม่รู้แม้แต่ว่ามื้ออาหารต่อไปจะมีอะไรให้กินหรือไม่ หลังเจ้าหน้าที่จากสหประชาชาติคนดังกล่าวเพิ่งจะเดินทางไปเยี่ยมยังเยเมน และพูดคุยกับตัวแทนรัฐบาล และผู้นำของกลุ่มกบฏฮูติ เพื่อหารือวิธีการแก้ปัญหาดังกล่าว

ในขณะที่ซูดานใต้นั้น O'Brien ระบุว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา เนื่องจากภาวะอดอยากนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากภัยแล้ง เหมือนในโซมาเลีย แต่เป็นผลกระทบมาจากสงครามกลางเมืองตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สร้างความกังวลว่าหายนะจากความอดอยากที่มีผู้เสียชีวิตไปราว 260,000 คนในโซมาเลีย เมื่อปี 2011 อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง

ส่วนที่ไนจีเรีย ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นได้รับผลกระทบจากกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮาราม ที่เข้าครอบครองพื้นที่ สังหารผู้คนไปกว่า 2 หมื่นคน และประชาชนอีกราว 2.6 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น ซึ่งทางสหประชาชาติรายงานว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้เด็กเล็กๆจำนวนมากเสียชีวิตไปแล้ว ในขณะที่ผู้ใหญ่เองไม่แม้แต่จะมีแรงเดินไปไหน เนื่องจากไม่มีอะไรตกถึงท้อง