posttoday

ปั่นเสือควบเดินป่า เที่ยวน้ำตกแม่กระดังลา

22 กรกฎาคม 2561

หน้าฝนแบบนี้ มองไปที่ไหนก็มีแต่ความชุ่มฉ่ำ ป่าเขียวขจีเป็นเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาปลุกเสือเข้าป่ากันอีกครั้ง

โดย /ภาพ : Withaya heng

หน้าฝนแบบนี้ มองไปที่ไหนก็มีแต่ความชุ่มฉ่ำ ป่าเขียวขจีเป็นเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาปลุกเสือเข้าป่ากันอีกครั้ง หลายคนสงสัยว่าหน้าฝนไปปั่นในป่าแล้วไม่เละเหรอ คำตอบคือเละแน่นอนครับ แต่จะขี่เสือก็อย่ากลัวเลอะ มันทำมาสำหรับหน้าที่นั้นอยู่แล้ว สำคัญคือต้องเข้าใจในภูมิประเทศของที่ที่เราจะไปอย่าเป็นพื้นที่ที่เป็นดินเหนียวเป็นพอ เพราะถ้าเจอดินเหนียวมันจะพอกติดล้อจนปั่นต่อไม่ได้

ทริปนี้เรามาที่บ่อน้ำพุร้อนหนองหญ้าปล้อง สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของท้องถิ่นนี้ แต่เดิมเป็นที่รู้จักกันแต่เพียงคนในพื้นที่เพราะอยู่ลึกเข้ามาจากถนนเพชรเกษมเกือบ 40 กิโลเมตร จนเมื่อประมาณปี 2548 ได้มีการจัดการแข่งขันรายการเพชรบุรีเสือภูเขา โดยมีจุดสตาร์ทอยู่บริเวณบ่อน้ำพุร้อนและใช้เส้นทางปั่นไปตามแทรกในภูเขาที่ล้อมรอบรวมถึงเส้นทางที่มายังน้ำตกแม่กระดังลาด้วย การจัดการแข่งขันประสบความสำเร็จอย่างดีมีการจัดแข่งอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายปี และได้รับการกล่าวขวัญถึงในแง่ที่เป็นเส้นทางแทร็กที่สมบูรณ์แบบ จนจังหวัดอื่นๆ ถือเป็นแม่แบบในการเตรียมเส้นทางแข่งเสือภูเขา

ปั่นเสือควบเดินป่า เที่ยวน้ำตกแม่กระดังลา

ปัจจุบันบ่อน้ำพุร้อนหนองหญ้าปล้องได้รับการส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของ อ.หนองหญ้าปล้อง ถนนหนทางได้รับการปรับปรุงขนานใหญ่ ถ้ามาจากกรุงเทพฯ จะมีสะพานยกระดับพาเลี้ยวลอยฟ้าเข้ามาได้เลย ส่วนเส้นทางปั่นจะออกไปด้านหลังบ่อน้ำพุร้อน ทางจะไหลลงไปเรื่อยๆ ข้ามเนินสามลูกจะมาถึงสามแยกฝายกั้นน้ำ ถ้าเลี้ยวขวาจะเข้าหมู่บ้านลิ้นช้าง เลี้ยวซ้ายจะเข้าน้ำตก ปกติเราจะปั่นไปทางขวาไปวนอ้อมบ้านลิ้นช้างต้นกำเนิดพริกกะเหรี่ยงกันก่อนจะเข้าน้ำตก แต่วันนี้เราเลือกเลี้ยวซ้ายไปทางเข้าน้ำตกเลย เพราะอยากจะเผื่อเวลาไว้สำหรับเดินป่าเข้าไปให้ถึงตัวน้ำตกแม่กระดังลา

เส้นทางจากสามแยกเข้ามาจะผ่านหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ 5 (เขาพุพลู) แล้วตรงตลอดข้ามลำห้วยใหญ่น้อยเกือบสิบแห่ง ที่ระดับน้ำมีตั้งแต่แค่ตาตุ่มไปจนถึงต้นขา มีโอกาสเปียกแน่นอนไม่ห้วยใดก็ห้วยหนึ่ง ฉะนั้นโทรศัพท์มือถือ กุญแจรีโมทต่างๆ ควรเก็บใส่ถุงพลาสติกซิปล็อกไว้เพื่อความปลอดภัย ตลอดทางที่ปั่นเข้ามาทางจะเป็นขาขึ้นซึมน้อยๆ มีแค่ช่วงขึ้นลงห้วยเท่านั้นที่ชันหน่อย แต่มีของจริงรออยู่ปากทางเข้าน้ำตกคือ เนินแล้งน้ำใจ ซึ่งเป็นเนินชันยาวพับไปมาสามทบบวกกับทางที่ร่วน ร่องน้ำลึก ผลที่ได้คือเข็นกันถ้วนหน้า เส้นทางจะไปสิ้นสุดที่ป้ายน้ำตกแม่กระดังลา แต่จริงๆ จุดนี้จะเป็นเพียงแอ่งลำธารที่นักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำกัน ตัวน้ำตกจริงๆ ต้องเดินลึกเข้าไปในป่าอีกประมาณ 2 กิโลเมตร เราจัดการรับประทานข้าวเที่ยงให้เรียบร้อยเสียก่อนที่ลำธาร แล้วจึงเริ่มภารกิจเดินป่าตามหาน้ำตก

ปั่นเสือควบเดินป่า เที่ยวน้ำตกแม่กระดังลา

ทางเดินป่าเข้าไปตัวน้ำตกจะเป็นทางที่ชาวบ้านใช้เดินหาของป่า ดังนั้นจะเป็นธรรมชาติแบบดิบๆ เลย ไม่มีแผ่นอิฐเสริม ไม่มีราวจับ เวลาเจอทางขึ้นลงก็ต้องใช้การปีนป่ายเหนี่ยวโหนครบทุกกระบวนท่าให้ผ่านพ้นมาได้ ดีที่เส้นทางเป็นทางเดี่ยวไม่มีแยกให้งงจึงเดินไม่ยาก

ยิ่งเข้าใกล้น้ำตกเข้าไปเท่าไร ธรรมชาติรอบข้างดูจะยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น รากไม้ที่แผ่กว้างลอยเด่นขึ้นมาเป็นสถาปัตยกรรมธรรมชาติที่งดงามน่าเกรงขาม โขดหินใหญ่น้อยเป็นปราการธรรมชาติที่จะพิสูจน์ใจของผู้มาเยือน แต่ในที่สุดพวกเราทุกคนก็ได้มายืนอยู่เบื้องหน้าน้ำตกแม่กระดังลาจนได้ ตัวน้ำตกที่เราเห็นได้จะสูงประมาณ 12 เมตร แบ่งเป็นสองชั้น เมื่อปีนขึ้นไปชั้นที่สองจะมีแอ่งใหญ่ให้เล่นน้ำได้ ซึ่งแน่นอนว่าน้ำเย็นชุ่มฉ่ำสะใจมากๆ

ปั่นเสือควบเดินป่า เที่ยวน้ำตกแม่กระดังลา

เราใช้เวลาที่น้ำตกร่วมชั่วโมง รวมเวลาเดินเข้าออกอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ออกมาเกือบบ่ายสามโมงแล้ว ขากลับทางไหลลงยาวตลอดทางไปจนถึงเนินสามเนินที่ขามาเป็นเนิน แต่ขากลับทำไมเหมือนข้ามเขาสามลูก กลับมาถึงที่บ่อน้ำพุร้อนจะมีห้องแช่น้ำร้อนเป็นอ่างอย่างดี ค่าบริการคนละ 40 บาท บริเวณที่จอดรถยังมีร้านค้าขายผักผลไม้ผลิตผลในท้องถิ่นที่ราคาถูกมากๆ ถือว่าได้ช่วยอุดหนุนวิสาหกิจชุมชนไปในตัว จบทริปแบบสมบูรณ์ทั้งปั่นเสือ เดินป่า แช่น้ำร้อน ช็อปของฝาก ครบเลยครับ