posttoday

ยะไข่...จับใจ งดงาม ทุกความทรงจำ

17 มีนาคม 2561

อดีตเมืองหลวงของยะไข่อย่าง “มเราะอู” ทำให้ทีมงานโลก 360 องศา ตกหลุมรักได้ไม่ยาก

อดีตเมืองหลวงของยะไข่อย่าง “มเราะอู” ทำให้ทีมงานโลก 360 องศา ตกหลุมรักได้ไม่ยาก เพราะทุกแห่งหนเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าค้นหาและภูมิประเทศที่สวยงาม รวมถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน และเพราะการได้พูดคุยสอบถามเรื่องราวต่างๆ ทำให้เราได้รู้ว่า ดินแดนอันเป็นที่ตั้งของรัฐยะไข่ในปัจจุบันนั้น มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานย้อนไปนับพันๆ ปี โดยอาณาจักรมเราะอูเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุด ซึ่งก่อนหน้านั้นยังมีอีก 3 ยุค คือ ธัญญวดี (Dhanyawadi) เวสาลี (Vesali) และ เลเมี้ยว (Lemyo)

ในที่สุดพวกเราจึงตัดสินใจเดินทางออกนอกเมืองมเราะอู เพื่อไปค้นหาเรื่องราวหรือสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของอาณาจักรโบราณที่ย้อนไปก่อนยุคที่รุ่งเรืองที่สุด และหลังนั่งรถออกมาจากมเราะอูประมาณหนึ่งชั่วโมง เราก็เดินทางถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่ว่ากันว่าในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางของยุคเวสาลี แต่ดูเหมือนว่าจะหลงเหลือหลักฐานอยู่น้อยเหลือเกิน

ยะไข่...จับใจ งดงาม ทุกความทรงจำ

แม้ว่าจะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างต่อสิ่งที่ได้พบเห็นซึ่งเป็นเพียงซากปรักหักพังของรูปปั้นโบราณไม่กี่ชิ้น เพราะพวกเราคาดหวังเอาไว้ว่าน่าจะพบสิ่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจกว่านี้ แต่เมื่อเราเลิกจับจ้องไปที่โบราณสถานและโบราณวัตถุ แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ ก็ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่างหากคือความสมหวังในวันนี้

ภาพของผู้หญิงที่เดินเรียงแถวกันมาตักน้ำที่แหล่งเก็บน้ำของหมู่บ้านด้วยภาชนะปากแคบและเทินไว้บนหัว เป็นภาพที่สร้างทั้งรอยยิ้มและความสงสัยมาพร้อมกัน จนสุดท้ายจึงได้คำตอบว่า วัฒนธรรมของคนที่นี่ ผู้ชายจะออกไปทำไร่ไถนา ทำสวนทำไร่ ทำงานนอกบ้าน  ส่วนผู้หญิงก็จะอยู่บ้าน ทำงานบ้าน และการมาตักน้ำในลักษณะนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานบ้านนั่นเอง

นอกจากจะได้เห็นภาพวิถีชีวิตที่งดงามบางส่วนของคนที่นี่แล้ว เรายังได้มีโอกาสเข้าร่วมงานบุญของคนในหมู่บ้านเพราะกำลังมีงานบวชพอดี ภาพของผู้คนที่ต่างช่วยกันหุงหาอาหาร และตระเตรียมงาน คล้ายๆ งานบุญในบ้านเรา แถมเจ้าของงานยังชักชวนให้พวกเราร่วมวงกินข้าวเที่ยงอีกด้วย จากความรู้สึกผิดหวังในแรกเริ่มจึงเติมเต็มด้วยความสมหวังแห่งรอยยิ้มและมิตรไมตรีที่เราได้รับกลับมาอย่างมากมาย

ยะไข่...จับใจ งดงาม ทุกความทรงจำ

เรากล่าวอำลาเจ้าของานเพื่อเดินทางไปยังสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ ที่เล่ากันว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในยุคเวสาลี โดยป้ายชื่อหน้าวัดระบุว่าที่นี่คือ “The Great Vesali Image” เรียกชื่อตามคนท้องถิ่นว่า “ซุตาวเปียพญา” ซึ่งแปลว่า สมปรารถนา เหล่าทีมงานจึงชวนกันเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อสมหวัง”

จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปยังเมืองเจ๊าตอว์ (Kwaytaw) อันเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรในยุคธัญญวดี และยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญอีกองค์หนึ่งของยะไข่ ซึ่งมีความเก่าแก่นานนับพันปี นั่นคือ “พระมหามุนี”

หากใครที่เคยเดินทางไปมัณฑะเลย์ ก็จะต้องหาโอกาสไปสักการะและปิดทองพระมหาเมียะมุนิ หรือพระมหามัยมุนี ซึ่งเชื่อกันว่าพระพุทธรูปที่ยังมีลมหายใจอยู่และทุกเช้าก็จะมีพิธีล้างหน้าแปรงฟัน  โดยพระมหามัยมุนีนั้นอัญเชิญไปจากยะไข่ ความเชื่อที่ว่านั้นก็ยังคงยึดถือกันมา รวมถึงพระมหามุนี ที่เมืองเจ๊าตอว์ ซึ่งเชื่อกันว่าพระพุทธรูปที่ยังมีลมหายใจและทุกเช้าก็จะมีพิธีล้างหน้าแปรงฟันเช่นกัน

ยะไข่...จับใจ งดงาม ทุกความทรงจำ

ทั้งนี้ หากใครต้องการทำบุญปิดทอง พระมหามุนี ก็สามารถจ่ายค่าแผ่นทอง แผ่นละ 1,000 จ๊าด แล้วให้เจ้าหน้าที่นำทองไปปิดที่องค์พระ แต่ครั้งนี้ทีมงานโลก 360 องศา ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้นำทองขึ้นไปปิดยังองค์พระมหามุนีได้ ทุกคนจึงเดินทางออกจากเมืองเจ๊าตอว์ด้วยหัวใจอิ่มเอิบ

จากนั้นพวกเราก็พร้อมมุ่งหน้าสู่ภารกิจสำคัญอีกหนึ่งอย่างนั่นคือ การตามหาสาวงามแห่งยะไข่ซึ่งต้องนั่งรถออกจากมเราะอูมาประมาณ 40 นาที ต่อด้วยการนั่งเรืออีกชั่วโมงครึ่ง และเดินเท้าต่อเพื่อขึ้นเนินเขาไปอีก แต่ทัศนียภาพสองฝั่งน้ำที่สวยงามและสดชื่นระหว่างเดินทาง ก็ทำให้พวกเรารู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเรือเข้าเทียบท่า

พวกเราชวนกันเดินขึ้นเนินเขาไปเรื่อยๆ มีเด็กๆ ออกมาทักทายและรับขนมที่พวกเรานำมาฝาก และดูเหมือนว่าจำนวนเด็กๆ จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น หลังสอบถามกับผู้ดูแลคณะจึงได้ความว่าชาวบ้านที่นี่มีความเชื่อว่ามีลูกหลานเยอะๆ เป็นเรื่อที่ดีเพราะจะ
ได้ช่วยกันทำงาน และในที่สุดเด็กๆ ก็นำพาพวกเราไปพบกับพวกเธอ สาวงามแห่งยะไข่สมดังตั้งใจ

ยะไข่...จับใจ งดงาม ทุกความทรงจำ

คุณยายแห่งหมู่บ้านชิน คือ สาวงามแห่งยะไข่ที่พวกเราค้นหา โดยมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า ความงามของหญิงสาวชาวชินเลื่องลือไปไกล จนกระทั่งอาจเป็นอันตราย เพราะหากออกไปนอกหมู่บ้านก็อาจจะโดนจับ หรือว่าอาจต้องถูกเรียกตัวให้เข้าไปอยู่ในวัง ดังนั้นวิธีการอำพรางความงามคือการสักหน้า จึงเป็นที่มาของสาวงามแห่งยะไข่ที่งดงามจนต้องอำพรางความงามนั่นเอง

คนที่นี่เล่าว่าเมื่ออายุได้ประมาณ 12 ปี หญิงทุกคนในหมู่บ้าน ก็ต้องถูกจับมาสักหน้า ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม และขั้นตอนการทำ ก็แสนจะเจ็บปวดทรมาน และใช้เวลาถึง 2 วันเป็นอย่างน้อย จากนั้นต้องพักฟื้นอีกนานนับสัปดาห์ แต่ปัจจุบันธรรมเนียมการสักหน้าของหญิงสาวชาวชินได้ถูกยกเลิกไปแล้วเหลือเพียงคุณยายเหล่านี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงมีรอยสักและเรื่องราวไว้เล่าให้ลูกให้หลานฟัง และนอกเหนือจากเรื่องราวของสาวงามแห่งยะไข่แล้ว ที่หมู่บ้านแห่งนี้ยังมีของขวัญของฝากเป็นผ้าทอฝีมือคุณยายชาวชินให้ซื้อหากลับบ้านในราคาย่อมเยาอีกด้วย

ติดตามความงดงามในอีกหลากหลายองศาของยะไข่ ได้ในรายการโลก 360 องศา ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เช้าวันอาทิตย์ เวลา 08.00-08.30 น. ส่วนแฟนรายการโลก 360 องศา สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook ของรายการโลก 360 องศา และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube Chanel