posttoday

ลวงโลก!เงินบริจาค3.2แสนล.สร้างพระใหญ่ชัยภูมิ

04 กรกฎาคม 2557

พฤติกรรมหลอกลวงประชาชนโดยใช้ศรัทธาชาวพุทธมาหาประโยชน์เกิดขึ้นดาษดื่นในเมืองไทย

ทีมข่าวภูมิภาคโพสต์ทูเดย์

อีกหนึ่งกรณีเมื่อความจริงได้ปรากฏขึ้นที่จ.ชัยภูมิ หลังมีการขึ้นป้ายโชว์ตัวเลขเงินบริจาคมหาศาลถึง 3.2 แสนล้านบาท เพื่อเชิญชวนชาวพุทธให้ร่วมก่อสร้าง"พระใหญ่ชัยภูมิ" สูงที่สุดในโลก ในพื้นที่บ้านโนนมะเกลือ ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ว่าเป็นเรื่อง"ลวงโลก"

โครงการดังกล่าว เป็นการก่อสร้างพระพุทธรูปปางนั่งประทานพร ความสูง 199 เมตร หน้าตักกว้าง 99 เมตร บนเนื้อที่ 300 ไร่ ดำเนินการโดยมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ซึ่งมี ทิพากร อำมรินทร์ธา (นามสกุลเดิมคือ รินไธสงค์) หรืออาจารย์เปี๊ยก ฆราวาสนักปฏิบัติธรรมชื่อดังเป็นประธานผู้ก่อตั้งดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน

เรื่องมาฮือฮาเมื่อมีลูกศิษย์คนหนึ่งคือ วัลย์รัตน์รัตนผล อายุ 65 ปี อ้างตัวว่าเป็นผู้วิเศษสามารถติดต่อขอเงินจากองค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอธนาคารประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มธนาคารยุโรป รายละ1 แสนล้านบาท และเงินส่วนตัวอีก 2 หมื่นล้านบาทรวมเป็นเงิน 3.2 หมื่นล้านบาทเพื่อสมทบเป็นค่าก่อสร้าง มีการขึ้นป้ายคัตเอาต์อย่างยิ่งใหญ่และเผยแพร่ในโลกออนไลน์เมื่อต้นเดือนมิ.ย ก่อนจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาและมีการจับพิรุธ

เงินจำนวนนี้กล่าวได้ว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาลเทียบได้เท่ากับ 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) จึงมีเสียงเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิเข้ามาตรวจสอบ เพราะเกรงว่าอาจเป็นขบวนการหลอกลวงหาประโยชน์ จน พรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ทางผู้สร้างชี้แจงที่มาของเงินภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้

นอกจากนี้ ผวจ.ชัยภูมิได้นำคณะทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบพื้นที่และการดำเนินการของมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิรวมถึงเงินบริจาค การจำหน่ายวัตถุมงคลพระบูชาขนาดใหญ่ทั้งหมดตลอด 4 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับสั่งระงับการก่อสร้างองค์พระใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ไว้ก่อน เพราะยังไม่มีการยื่นแบบขอก่อสร้างที่ถูกต้อง รวมทั้งโครงการเตรียมจ่ายเงินเชิญชวนคนมาเข้าชื่อขอบวชพระชี รายละ 2-3 หมื่นบาทที่มีจำนวนมากกว่า 7,000 รูป เพราะมีชาวบ้านต้องการที่จะมาบวชเพื่อหวังเงินค่าตอบแทนครั้งนี้จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง

ไม่เท่านั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าจะเข้าร่วมบริจาคเงินสร้างพระใหญ่ถึง 1 แสนล้านบาท ทำหนังสือ "ลับมาก" ถึง ผวจ.ชัยภูมิ ระบุว่า สำนักเลขาธิการดับเบิลยูทีโอได้ปฏิเสธการบริจาคเงินดังกล่าวพร้อมชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า ดับเบิลยูทีโอจ่ายเงินช่วยเหลือประเทศสมาชิกเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการค้าเท่านั้น ไม่เคยมีการให้ความช่วยเหลือใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา

"งบประมาณดำเนินการที่ดับเบิลยูทีโอได้รับจากประเทศสมาชิกในแต่ละปีมีเพียง 7 หมื่นล้านบาทการอ้างว่าดับเบิลยูทีโอบริจาค 1 แสนล้านบาทนั้นจึงเกินกว่างบที่ได้รับ และการใช้ชื่อองค์การค้าเสรีดับเบิลยูทีโอ ก็เป็นการเรียกชื่อองค์การการค้าโลกที่ไม่ถูกต้อง จึงเห็นว่าข้ออ้างดังกล่าวไม่น่าเป็นความจริงและมีพฤติกรรมที่หลอกลวงประชาชน"เนื้อหาในหนังสือของกรมเจรจาการค้าฯ ระบุ

ล่าสุดวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะทำงานและที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดยพล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ ถวิลหวัง และ พ.อ.(พิเศษ)สุรินทร์ จันทร์เพียร พร้อมคณะทหารผู้ติดตามอีกกว่า20 นาย ได้เดินทางไปพบทิพากรและคณะกรรมการมูลนิธิทั้งหมดเพื่อรับฟังข้อมูล

พล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ กล่าวว่า แนวทางการดำเนินงานของมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ถือเป็นเรื่องที่มีวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่ถ้าทางจังหวัดแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ก็จะนำเสนอให้คณะที่ปรึกษา คสช.เป็นผู้ช่วยลงมาดำเนินการเรื่องนี้ให้จบลงด้วยดีต่อไป

การพบปะกันครั้งนี้ วัลย์รัตน์ผู้อ้างตัวบริจาคเงิน3.2 แสนล้านบาท ได้ยอมออกมาเปิดเผยตัวต่อคณะคสช.ด้วย สารภาพว่าเรื่องเงินจำนวนดังกล่าวนั้นกุขึ้น ไม่เป็นความจริง แต่เป็นเรื่องของพิธีการหรือทำเพื่อขึ้นป้ายมาถวายบายศรีต่อองค์พระใหญ่และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เทพเทวดาประจำสถานที่ เพื่อความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจให้คนช่วยกันทำไม่มีเจตนาเอาหน่วยงานต่างๆ ระหว่างประเทศมากล่าวอ้างให้เสียหาย และขอโทษที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดจนเสียหายบานปลาย

ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจ.ชัยภูมิ เตรียมรวบรวมข้อมูลเพื่อเอาผิดกับทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิ โดยเฉพาะการกล่าวอ้างองค์กรต่างๆที่จะให้เงินบริจาค ถือเป็นการหลอกลวงประชาชน