posttoday

ปิดเทอม เด็ก ”เล่นอิสระ” เติมเต็มวันว่างอย่างสร้างสรรค์

03 มีนาคม 2563

สสส.ผุดโครงการปิดเทอม "เด็กเล่นอิสระเติมเต็มวันว่างอย่างสร้างสรรค์"รวบรวมข้อมูลเชื่อมร้อยกิจกรรมจากทุกหน่วยงาน

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสสส.กล่าวว่า สสส.เปิดตัวโครงการปิดเทอมสร้างสรรค์-อัศจรรย์วันว่าง ปี 2563ที่ สสส.ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ ลิโด้คอนเน็คท์ กทม.โดยริเริ่มให้เกิดแพลตฟอร์มออนไลน์ในชื่อ www.ปิดเทอมสร้างสรรค์.com เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลเชื่อมร้อยกิจกรรมจากทุกหน่วยงาน สนับสนุนกิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กโตและพื้นที่ “เล่นอิสระ” สำหรับเด็กเล็กซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมรวมทั้งสิ้น 298 หน่วยงาน เพื่อจะทำให้วันว่างช่วงปิดเทอมของเด็กให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยในปีนี้มี 2,228  กิจกรรม ที่เด็กและเยาวชนมีโอกาสเข้าร่วมอย่างน้อย111,400คน  และมีตำแหน่งงานพาร์ทไทม์รองรับกว่า 10,000ตำแหน่ง

ปิดเทอม เด็ก ”เล่นอิสระ” เติมเต็มวันว่างอย่างสร้างสรรค์

ขณะที่ส่วนภูมิภาคใน 15 จังหวัด มีหน่วยงานต่างๆเข้าร่วมเพิ่มขึ้น มีกิจกรรมน่าสนใจสำหรับเด็กเยาวชนครอบคลุมทั่วประเทศ  รูปแบบกิจกรรมปิดเทอมสร้างสรรค์เน้นการพัฒนาทักษะชีวิต ทักษะทางสังคม ปลดปล่อยศักยภาพ เพื่อตามหาความฝันแบ่งปันสังคม และค้นหาตัวตน ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกในยุคปัจจุบันมีสิ่งเร้าทำให้เด็กก้าวพลาดซึ่งงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ ปิดเทอมสร้างสรรค์ -อัศจรรย์วันว่าง  ปี 2563 สสส.ได้จัดเวทีเสวนา หัวข้อ “เติมเต็มวันว่างอย่างสร้างสรรค์เป็นเรื่องสำคัญของใครกันแน่”เชิญผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆมาร่วม แชร์ประสบการณ์  ถ่ายทอดแง่คิด มีหลากหลายมุมมองที่น่าสนใจ

ปิดเทอม เด็ก ”เล่นอิสระ” เติมเต็มวันว่างอย่างสร้างสรรค์

น.ส.ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการ สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัวสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ทุกวันนี้เด็กไทยมีเวลาเล่นน้อยลงรายงานวิจัยพบว่า เมื่อเข้าสู่ระบบการศึกษาที่เน้นวิชาการเด็กจะมีเวลาเล่นอิสระไม่ถึง60 นาทีต่อวัน โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องเรียน และการเรียนพิเศษจึงต้องเร่งสร้างความตระหนักในกลุ่มผู้ใหญ่เพื่อให้ความสำคัญของการเล่นอิสระของเด็ก”

ปิดเทอม เด็ก ”เล่นอิสระ” เติมเต็มวันว่างอย่างสร้างสรรค์

นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก บอกเล่า ในเวทีเสวนาว่าในสังคมไทยมีจำนวนครอบครัว22.8 ล้านครอบครัวมีเพียงส่วนน้อยที่ช่วงปิดเทอมได้พาลูกไปเที่ยวเมืองนอก มีกิจกรรมให้ลูกทำแต่มีครอบครัวส่วนมาก และมีฐานะอยู่ในระดับต่ำไม่รู้จะไปทางไหน มีตัวอย่างครอบครัวที่แม่เป็นช่างเย็บผ้าใช้วิธีแลกแบงก์50 เก็บไว้ให้ลูกทุกวันเพื่อไปเล่มเกมในช่วงปิดเทอม นึกภาพเด็กไปจมอยู่ในร้านเกมคิดว่าเรื่องเหล่านี่เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภาคประชาสังคมต้องมาร่วมรับผิดชอบ เด็กต้องการพื้นที่ ที่สร้างสรรค์แต่หายาก ขณะที่หลายประเทศพร้อมจะลงทุนเพื่อเด็กเพราะรู้ว่าเมื่อเด็กก้าวพลาด ต้นทุนการเยียวยานั้นสูงมากและไม่แน่ใจว่าค่าเยียวยานั้นจะทำให้ชีวิตเขากลับมาหมดจดงดงามหรือไม่“มีบันทึกของเยาวชนบ้านกาญจนาที่ก่ออาชญากรรมเราพบว่ารูปแบบของครอบครัว 21 แบบ เป็นปัจจัย ผลักไสไล่ส่งให้ไปก่ออาชญากรรมหนึ่งใน 21 ข้อคือครอบครัวที่ไม่มีกิจกรรมร่วมกัน บ้านเงียบมีไม่ใครพูดต่างคนต่างอยู่กับเทคโนโลยีจนวันหนึ่งเด็กอยากพูดอะไรกับพ่อแม่ แต่ความที่ไม่เคยพูดกัน ทำให้ไม่มีทักษะแม้เป็นเรื่องสำคัญเพราะที่ผ่านมาแม้เรื่องเล็กยังไม่เคยคุย นับประสาอะไรกับเรื่องใหญ่ๆ

ปิดเทอม เด็ก ”เล่นอิสระ” เติมเต็มวันว่างอย่างสร้างสรรค์

ขณะที่ อรอนงค์ เจริญลาภนำชัยหรือแม่ปุ้ม จากเพจ พาลูกเที่ยวดะถ่ายทอดรูปแบบการเลี้ยงลูกที่ต้องพาลูกออกไปนอกบ้านว่า การพาลูกออกไปนอกบ้านช่วยสร้างประสบการณ์เรียนรู้ได้เห็นชัดว่าลูกมีประสบการณ์ไม่นับความแปลกใหม่ของสถานที่เพราะทุกอย่างที่เขาเจอคือประสบการณ์ไม่ว่าความไม่ได้ดั่งใจของสภาพดินฟ้าอากาศได้เจอผู้คน การต่อรองสินค้า การขอความช่วยเหลือ เหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือมาใช้ในชีวิตประจำวันและอนาคต“สิ่งแรกที่จุดประกายอยากพาลูกออกไปนอกบ้านเพราะทุกวันนี้มีสิ่งเร้าเยอะทุกบ้านมีทีวี พ่อแม่มีโทรศัพท์ต่อให้เราไม่ให้เขาก็รู้ว่าในนั้นมีภาพถ้าปล่อยให้อยู่ที่บ้านเขาจะเรียกร้องสิ่งเหล่านี้ซึ่งกิจกรรมข้างนอกไม่ใช้แค่ไปเที่ยว แค่ไปตลาด  ไปตามสวนสาธารณะจะทำให้เขาจะโฟกัสกับสิ่งรอบตัวแทน ลืมเรื่องการเล่นมือถือดูทีวีออกไปดังนั้นในช่วง 3 ปีแรกของเด็กสำคัญมากพ่อแม่ต้องทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่มีตัวตนทำให้ลูกรู้สึกว่าเขาอยู่กับพ่อแม่แล้วปลอดภัย อบอุ่น” แม้อุ้มเล่า

ปิดเทอม เด็ก ”เล่นอิสระ” เติมเต็มวันว่างอย่างสร้างสรรค์

ส่วน นีลชา เฟื่องฟูเกียรติหรือครูบิร์ด จากเพจ เบิร์ดคิดแจ่ม Bird KidJam บอกเล่าประสบการณ์ในชีวิตของตัวเองที่สอดรับกับข้อมูล 3ปีแรกของเด็กกับพ่อแม่ที่มีตัวตนว่า ตัวเองเป็นเด็กต่างจังหวัด.อาศัยในบ้านพักครูมีเหตุการณ์หลายอย่างเป็นฉากในชีวิต เช่น เราเล่นสมมุติว่าเป็นหมอผ่าตัดกับน้องหาอะไรเล่นกับน้องซึ่งเราเล่นกันเอง พ่อแม่ไปทำงานหมด ทำให้ย้อนนึกได้ความมีตัวตนของพ่อแม่ที่มีอยู่ในตัวเราเพราะพ่อแม่เริ่มต้นให้ความรัก ความอบอุ่น ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย และมั่นใจที่จะเติบโตขึ้น เด็กอยากอยู่กับพ่อแม่ที่นั่งตักแล้วฟังนิทานถามว่าวันว่างทำอะไร แล้วแต่ครอบครัวเราเรียกร้องการทำกิจกรรมวันว่างถ้าไม่ได้จะทำอะไร เราต้องใช้ความเข้มแข็งในจิตใจ ถ้าพ่อแม่ไม่สนใจต้องคิดเองได้

ขณะที่น้อง ปราชญา ศิริมหาอาริยะโพธิ์ญาประธานสภาเด็กและเยาวชนเขตบางกะปิ วัย 14 ปีในฐานะแกนนำเด็กเยาวชนเรียกร้องให้เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า18ปีเข้าพบจิตแพทย์ได้โดยที่ไม่ต้องมีผู้ปกครองรับรอง เล่าว่าครอบครัวแม่ลาออกจากงานมาเลี่ยงลูกจำได้แม่อยากให้พูดภาษาอังกฤษจึงทำตัวอักษรภาษาอังกฤษตั้งแต่Aถึง Z ติดอยู่ที่ฝาผนังทุกวันนี้ยังอยู่เราจะมองมองทุกวัน แม่สอนอ่านทุกวัน ตรงนั้นได้รับความอบอุ่นจนเราเข้าโรงเรียนเราไม่รู้ว่าเราอ่านตัวอักษรนี้ได้รู้สึกว่าแม่เป็นครูเป็นสิ่งใกล้ตัวที่ดีที่สุดในชีวิตทำให้ชีวิตเรามีความมั่นใจกล้าพูดกล้าแสดงออกการสื่อสารเชิงบวกในครอบครัว