posttoday

กสศ.ตั้งเป้าลดความเลื่อมล้ำทางการศึกษาในร.ร.ขนาดกลางให้ได้10%

26 กันยายน 2563

กสศ. ขับเคลื่อน “ยกระดับคุณภาพโรงเรียน ลดความเหลื่อมล้ำ” ตั้งเป้าพัฒนา รร.ขนาดกลาง 10% หวังผลใหญ่ มุ่งผลลัพธ์ 100% ยกระดับการพัฒนาทั้งประเทศ ด้านนพ.วิจารณ์ย้ำโรงเรียนพัฒนาตนเองทั้งระบบได้ต้องหนุนโรงเรียนสร้าง 5 คุณค่า

เมื่อวันที่ 26ก.ย.63 ที่โรงแรมทีเค. พาเลซฯ แจ้งวัฒนะ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จัดประชุมเรื่อง “ยกระดับคุณภาพโรงเรียน ลดความเหลื่อมล้ำ : ก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน” ภายใต้โครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง (Teachers & School Quality Program : TSQP) เพื่อให้โรงเรียนขนาดกลาง จำนวน 290 แห่ง ใน 36 จังหวัด สามารถพัฒนาตนเองทั้งระบบ (Whole School Approach) ด้านการบริหารจัดการโรงเรียน และด้านการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนเกิดทักษะการเรียนรู้สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีผู้ร่วมงานกว่า 500 คน

กสศ.ตั้งเป้าลดความเลื่อมล้ำทางการศึกษาในร.ร.ขนาดกลางให้ได้10%

นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า กสศ. คาดหวังให้โครงการโรงเรียนพัฒนาตนเองทำให้การศึกษาระดับประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการประชุมระดับนานาชาติที่จัดขึ้นเร็วๆ นี้ สามารถสรุปประเด็นความก้าวหน้าและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้ 3 ประเด็น คือ ประเด็นแรกมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ได้นำเสนอผลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลของประเทศไทยพบว่า มีปัญหาสังคมและเศรษฐกิจที่กำลังทรุดหนัก หากจะดึงให้เศรษฐกิจดีขึ้น ต้องดึงเด็กที่เรียนหนังสือไม่จบระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีอยู่ 20% กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา จะสามารถดึงความถดถอยของเศรษฐกิจกลับมาได้ถึง 3% และหากทำให้โรงเรียนทั้งประเทศไทยสอบผ่านสมรรถนะนักเรียนตามมาตรฐานสากล (PISA) จะดึงความถดถอยทางเศรษฐกิจของไทยได้ 5% ถ้าปีนี้ประเทศไทยติดลบทางเศรษฐกิจ 10% แล้วทำ 2 เรื่องนี้สัมฤทธิ์ผลจะดึงเศรษฐกิจของชาติได้ถึง 7-8% สิ่งที่ กสศ.ทำอยู่คือเรื่องคุณภาพการเรียนการสอน และการดึงไม่ให้เด็กหลุดจากระบบการศึกษา

นพ.สุภกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นที่สองเชื่อกันว่าประเทศที่ได้รับแรงสะเทือนจากโควิด-19 รุนแรง จะกลับมาได้แรงกว่าประเทศที่ได้รับผลกระทบน้อย เพราะประเทศเหล่านี้ต้องหานวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วย แต่ครูและเด็กกลุ่มหนึ่งยังเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี ส่วนประเด็นที่สาม สภามักถามเสมอว่าโครงการที่ดำเนินการอยู่เกิดผลลัพธ์อย่างไร โรงเรียนขนาดเล็กอธิบายง่าย แต่โรงเรียนขนาดกลางอธิบายให้เห็นผลต้องบอกได้ว่าโรงเรียนที่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ไหนบ้าง เป็นเหตุผลสำคัญที่ กสศ. เลือกโรงเรียนขนาดกลางเข้าร่วมโครงการฯ 700 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 10 ของโรงเรียนทั้งประเทศ เพื่อให้เห็นตัวอย่างการดำเนินโครงการอย่างชัดเจน ซึ่งจะนำไปสู่การสนับสนุนและพัฒนาโรงเรียนที่เหลืออีกร้อยละ 90 ในอนาคต

กสศ.ตั้งเป้าลดความเลื่อมล้ำทางการศึกษาในร.ร.ขนาดกลางให้ได้10%

ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ประธานอนุกรรมการกำกับทิศทางโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า กรอบแนวคิดการสนับสนุนให้โรงเรียนเกิดการพัฒนาคุณภาพตนเอง และเกิดผลสำเร็จด้านการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพ ใน 2 มาตรการ ได้แก่ มาตรการระดับโรงเรียน และมาตรการระดับชั้นเรียน ซึ่งโครงการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการพัฒนาโรงเรียนในชนบทที่มีนักเรียนด้อยโอกาสให้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ และพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้แก่ครู ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเครือข่าย โดยการหนุนเสริมให้โรงเรียนสร้าง (Growth Mindset) ให้เกิดกับโรงเรียน ครู นักเรียนและเครือข่ายผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้รู้สึกว่าอยากพัฒนาตนเอง ผ่านการเรียนรู้จากการปฏิบัติ เชื่อในตนเองมากกว่าเชื่อทฤษฎี และพึ่งตนเองมากกว่าพึ่งผู้อื่น ฉะนั้นคุณค่าโรงเรียนพัฒนาตนเอง ผลลัพธ์สุดท้ายที่ต้องการให้เกิดขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการ คือ 1.ยกระดับผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียน ทั้งแนวกว้างและลึก 2.เป็น (learning platform) ของนักเรียน ครู ผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้อง 3.สร้างกระบวนทัศน์พัฒนาแก่สังคมไทย 4.เชื่อมโยงสู่การพัฒนาระบบการศึกษา และ 5.เปลี่ยนชุดความคิดว่าด้วยการเรียนรู้

กสศ.ตั้งเป้าลดความเลื่อมล้ำทางการศึกษาในร.ร.ขนาดกลางให้ได้10%

ดร.อุดม วงษ์สิงห์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาคุณภาพครู นักศึกษาครู และสถานศึกษา กสศ. กล่าวว่า ปีการศึกษา 2562 กสศ. ได้สนับสนุนให้โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาขนาดกลาง 290 แห่ง เกิดการพัฒนาคุณภาพตนเองและการเปลี่ยนแปลงด้านระบบบริหารจัดการ ผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning Outcome) ซึ่งผลการประเมินพบว่า โรงเรียนมีการพัฒนาในระดับดีเยี่ยม 34 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 11.72 มีการพัฒนาในระดับดี 244 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 81 – 100 และอยู่ในระดับต้องปรับปรุง 12 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 4.14 ส่วนผลการประเมินสะท้อนถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามผลลัพธ์ที่ตั้งร่วมกันไว้ (Core Learning Outcomes) ด้านทักษะมีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นร้อยละ 40.06 แบ่งเป็นด้านทักษะการคิดสร้างสรรค์มากที่สุด รองลงมาเป็นทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดแก้ปัญหาและวิพากษ์อย่างมีวิจารณญาณ และทักษะการสื่อสาร ขณะที่ทักษะชีวิตมีค่าร้อยละการเปลี่ยนแปลงต่ำสุด ส่วนผลการประเมินด้านคุณลักษณะ มีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นร้อยละ 27.63 แบ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านมีวินัยมากที่สุด รองลงมาคือมีความซื่อสัตย์ และมีจิตสาธารณะ

“สำหรับปี 2563 กสศ. จะดำเนินการพัฒนายกระดับคุณภาพโรงเรียนประถมศึกษาขนาดกลางเพิ่มอีก 443 แห่ง มีสถานศึกษาสังกัด สพฐ. อปท. และ สช. ร่วมด้วย และมีภาคีเครือข่ายใหม่ร่วมสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีก 6 เครือข่าย ทั้งนี้มุ่งหวังให้โรงเรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ ด้วยการคิดออกแบบวิธีการที่เหมาะสมสอดรับกับบริบทของโรงเรียนและใช้ทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดย กสศ. พร้อมเป็นพลังหนุนเสริมให้เด็กได้รับการพัฒนา ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สร้างความเสมอภาค เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาทั้งระบบร่วมกัน” ดร.อุดม กล่าว