posttoday

"นมตรามะลิ"ฟ้องกองปราบเอาผิดเพจดังบิดเบือนข้อมูลทำให้เสียหาย

12 มีนาคม 2563

นมตรามะลิ ร้องกองปราบเอาผิดเพจเฟซบุ๊ก “ฉาวต้องแฉ” โพสต์ข้อมูลบิดเบือนโจมตี เชื่อทำเป็นขบวนการ ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 12 มี.ค. เวลา 11.00น.ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นางสุดถนอม กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการบริษัทมะลิกรุ๊ป 1962 หรือ นมข้นตรามะลิ พร้อมนายอิษวัต สุจิมนัสกุล ที่ปรึกษาบริษัท เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ชลิต ทิพย์ธำรง รอง ผกก.สอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเพจเฟซบุ๊ก “ฉาว ต้อง แฉ” หลังถูกเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวดิสเครดิตด้วยการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จใส่ร้ายโจมตีคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมตรามะลิจนทำให้เกิดผลเสียหายต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภค โดยนำข้อความและรูปภาพที่ถูกโพสต์ลงในเพจดังกล่าวรวมทั้ง ผลการตรวจสอบ คุณภาพของผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน อย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มามอบเป็นหลักฐานให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา

นายอิษวัต กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์นมตรามะลิได้ถูกเพจเฟซบุ๊ก “ฉาวต้องแฉ” พยายามโจมตีดิสเครดิตด้วยการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมตรามะลิ โดยเพจดังกล่าวอ้างว่านมตรามะลิไม่ได้คุณภาพมีแบคทีเรียและสารกันบูดปนเปื้อน ซึ่งไม่เป็นความจริง

นอกจากนี้เพจดังกล่าวยังได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ให้เข้ามาตรวจคุณภาพและมาตรฐานการผลิต ซึ่งเมื่อหน่วยงานต่างๆเข้ามาตรวจสอบก็ไม่พบความผิดปกติตามที่เพจกล่าวอ้างแต่อย่างใด ซึ่งทาง อย. เองยังมีการออกหนังสือยืนยันคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมตรามะลิว่าเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน GMP ตาม กฎหมาย ไม่พบกรดเบนโซอิก ที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

นายอิษวัต กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ได้นำข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดร้องทุกข์ต่อ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท.ให้ช่วยสืบสวนเบื้องต้นแล้ว พอจะระบุตัวกลุ่มคนผู้ไม่หวังดีแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ขอให้ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน และเพื่อให้คดีดังกล่าวคืบหน้ามากที่สุดจึงได้มาร้องทุกข์ยังกองปราบช่วยตรวจสอบอีกทาง ทั้งนี้ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พร้อมฝากเตือนไปยังกลุ่มผู้ไม่หวังดี ทั้งหลายว่าให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสีย ขณะที่ด้านพนักงานสอบสวนกองปราบเบื้องต้นได้ทำการสอบปากคำผู้ร้องเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐาน ก่อนส่งเรื่องต่อยังผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป