posttoday

ซีเอ็นเอ็นแซ่ซ้อง'สมเด็จพระเทพฯ'เจ้าฟ้าผู้สร้างคุณูปการแห่งแผ่นดิน

06 ธันวาคม 2554

ซีเอ็นเอ็นเผยแพร่รายงานพิเศษประเทศไทย สัมภาษณ์พิเศษ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ซีเอ็นเอ็นเผยแพร่รายงานพิเศษประเทศไทย สัมภาษณ์พิเศษ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

กับพระราชกรณียกิจในพื้นที่ห่างไกล เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของปวงชน

สถานีโทรทัศน์ชื่อดัง “ซีเอ็นเอ็น” ของสหรัฐ เผยแพร่รายงานพิเศษเกี่ยวกับประเทศไทยในช่วง “อาย ออน ไทยแลนด์” เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเริ่มรายงานพิเศษชิ้นแรกเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในชื่อว่า Thailand’s “Angel Princess” เริ่มรายงานทางเว็บไซต์เป็นวันแรกวันที่ 5 ธ.ค.แล้ว และจะรายงานสกู๊ปชิ้นต่อๆ ไปจนถึงตลอดทั้งสัปดาห์นี้

พอลลา แฮนค็อกส์ ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (Angel Princess) เป็นพระนามที่สะท้อนได้เป็นอย่างดีที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นก็จับภาพไปยังสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ของปวงชนชาวไทย ขณะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนแห่งหนึ่ง

เป็นเวลานานกว่า 20 ปีมาแล้วที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงให้การสนับสนุนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย และพระองค์ได้พระราชทานสัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเป็นกรณีพิเศษ ระหว่างที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนโรงเรียนบางแห่ง

ซีเอ็นเอ็นแซ่ซ้อง\'สมเด็จพระเทพฯ\'เจ้าฟ้าผู้สร้างคุณูปการแห่งแผ่นดิน

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานสัมภาษณ์ถ้อยคำแรก ในการพระราชทานสัมภาษณ์สื่อต่างชาติเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีว่า พระองค์ทรงมีความสุขอย่างยิ่งที่ทรงเห็นเด็กๆ ที่พระองค์ได้ทรงให้การอุปการะในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนแห่งนี้ เติบโตขึ้นมามีอาชีพการงานที่ดี

“เรารู้สึกดีใจมากที่ได้เห็นเด็กๆ ซึ่งเราได้อุปการะทางการศึกษา เติบโตขึ้นมาเป็นครู เป็นตำรวจ เป็นวิศวกร บางคนก็เป็นพยาบาล หรือเป็นแพทย์” เจ้าฟ้าหญิงของปวงชนชาวไทย ทรงยืนพระราชทานสัมภาษณ์อย่างไม่ถือพระองค์ด้วยสีพระพักตร์ที่เปี่ยมสุข และทรงแย้มพระสรวลเมื่อตรัสถึงอนาคตที่เด็กๆ เติบโตขึ้นมา

ซีเอ็นเอ็นยังได้แพร่ภาพถึงหน่วยแพทย์พระราชทานพร้อมบรรยายว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีรับสั่งให้จัดตั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทานเหล่านี้ให้การรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตามโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนต่างๆ ซึ่งไม่เพียงให้การรักษาเด็กๆ แต่ยังรวมถึงชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงให้สามารถมารับความช่วยเหลือทางการแพทย์ได้

“บางครั้งพวกเขาก็อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลมาก และเมื่อพวกเขามีปัญหาด้านสุขภาพ พวกเขาก็ไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้ เพราะมีปัญหาเรื่องการเดินทาง” สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานสัมภาษณ์ ซึ่งซีเอ็นเอ็นย้ำว่า การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนพื้นที่ห่างไกลของพระองค์ เต็มไปด้วยประชาชนจำนวนมากที่มาคอยเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างใจจดใจจ่อ เพียงเพื่อให้ได้เข้าเฝ้าฯ และเห็นพระองค์์เพียงแค่ช่วงสั้นๆ

“ทั้งโรงเรียนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจกับการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนของพระองค์ และยังเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดี เพราะหากไร้ซึ่งการเข้ามาและสนับสนุนของพระองค์ท่านแล้ว โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเหล่านี้ก็คงไม่อาจประสบความสำเร็จได้เช่นในปัจจุบัน” ผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็นรายงานขณะตามเสด็จฯ ไปยังโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนแห่งหนึ่ง

สำหรับเด็กนักเรียนน้อยคนที่โชคดี วันเวลาได้เปลี่ยนไปอย่างไม่อาจคาดถึง เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเลือกที่จะมีพระปฏิสันถารกับพวกเขา

“ดีใจที่ได้คุยกับพระองค์ค่ะ รู้สึกดี เป็นบุญของเรา” เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง กล่าว

เมื่อไม่นานมานี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนศูนย์อพยพช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม และทรงมีพระปฏิสันถารกับผู้ประสบภัยในเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในความทรงจำของคนไทย ซึ่งพระองค์พระราชทานความช่วยเหลือเป็นการส่วนพระองค์ในความพยายามฟื้นฟูประเทศไทย

“ยกตัวอย่างเช่น เรื่องสุขอนามัย จะนำขยะออกไปจากพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างไร หรือเรื่องการเดินทางในช่วงนี้” สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตรัสในความตอนหนึ่ง

รายงานได้ระบุในช่วงท้ายว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานความช่วยเหลือโรงเรียน 178 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนตามพื้นที่ชายแดน หรือพื้นที่อันห่างไกลมากและต้องใช้เวลายาวนานในการเดินทางบนท้องถนน

ซีเอ็นเอ็น ทิ้งท้ายว่า พระราชกรณียกิจของพระองค์ ก็คือการช่วยให้ชุมชนเหล่านี้มีระบบการศึกษาและสาธารณสุขที่ดีขึ้น มากกว่าที่จะสร้างแต่ความหรูหรามั่งคั่ง