AI ดิสรัปต์วงการหมอดู? คนรุ่นใหม่เริ่มดูดวงผ่าน ChatGPT
เทรนด์ใหม่ คนไทยหันดูดวงผ่าน ChatGPT ทายาท “ปฏิทินจีนน่ำเอี๊ยง” ชี้ AI ดิสรัปต์วงการหมอดูไปในระดับหนึ่ง ย้ำยังไม่แม่นยำ เพราะศาสตร์ดูดวงต้องอาศัยข้อมูลเฉพาะทาง
AI แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันคนเราแทบทุกอย่าง ไม่ได้มาแค่เปลี่ยนโลกการทำงานหรือธุรกิจ จากข้อมูลของ Open AI ระบุว่าในปีที่ผ่านมา การใช้งานปัญญาประดิษฐ์ทั่วโลกเติบโตพุ่งกว่า 4 เท่า แต่สิ่งที่น่าจับตาคือ ภูมิภาคเอเชีย กลายเป็นโซนที่ขยายตัวเร็วที่สุด และประเทศไทยคือหนึ่งในผู้นำเทรนด์นี้
ข้อมูลยังระบุอีกว่า กว่า 75% ของคนไทยเคยใช้ ChatGPT หรือแพลตฟอร์ม AI ลักษณะเดียวกัน แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าตัวเลข คือ “วิธีที่คนไทยใช้ AI” พบว่า ส่วนใหญ่เป็นตัวช่วยเรื่องแปลภาษา หรือหาคำแนะนำส่วนตัว เรื่องสุขภาพจิต ตลอดจนดูดวง
ปัจจุบันคนไทยจำนวนหนึ่งหันมา ดูดวงผ่าน AI ถามตั้งแต่เรื่องโชคชะตา การงาน ความรัก ไปจนถึงสีเสริมดวงของวัน AI วิเคราะห์ได้ตั้งแต่วันเดือนปีเกิด ราศี ดวงดาว ไปจนถึงคำถามของผู้ใช้ แล้วตอบกลับด้วยคำทำนายที่มีทั้งความสมเหตุสมผลและความเชื่อในเวลาเดียวกัน ยิ่งพูดคุยบ่อย ระบบก็จำข้อมูลผู้ใช้ได้มากขึ้น ทำให้ผลดูดวงรอบต่อไปแม่นยำขึ้นเรื่อย ๆ
- หรือ AI จะแย่งอาชีพหมอดู?
อย่างไรก็ตามจากเทรนด์ที่เกิดขึ้น แม้แต่ผู้ประกอบการที่อยู่ในแวดวงโหราศาสตร์เอง ก็ยังยอมรับว่าคนไทยชอบดูดวงผ่าน AI และกำลังดิสรัปต์ ในระดับหนึ่งแล้ว
กิตติธัช นำพิทักษ์ชัยกุล ทายาทรุ่นใหม่แห่ง “ปฏิทินจีนโบราณน่ำเอี๊ยง” กล่าวบนเวที SME THAILAND FUTURE DAY 2026 จัดโดย SME Thailand ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีอย่าง ChatGPT ซึ่งเป็น Large Language Model (LLM) ถูกนำมาใช้สร้างคอนเทนต์จากฐานข้อมูลมหาศาล แต่หลักการของ “โหราศาสตร์จีน” นั้นต้องอาศัยข้อมูลวัน เดือน ปี และ “เวลาเกิดที่แม่นยำ” เพื่อใช้ในกระบวนการคำนวณเฉพาะทาง
“หลักโหราศาสตร์จีนไม่ใช่แค่กรอกวันเดือนปีเกิดแล้วได้ผลทันที แต่ต้องผ่านการคำนวณด้วย logic ที่ซับซ้อน ทั้งฮวงจุ้ย โหงวเฮ้ง ปาจื้อ หรือจื่อเว่ยโต๊สู้ ล้วนต้องใช้การประมวลผลเชิงคณิตศาสตร์และพลังธาตุที่แม่นยำ ดังนั้นการดูดวงผ่าน AI อาจไม่ได้ตรงเป๊ะ”
เขามองว่า ปัจจุบัน “หมอดู” น่าจะถูกดิสรัปต์ในระดับหนึ่งแล้ว เพราะคนรุ่นใหม่หันมาดูดวงผ่าน AI มากขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง อนาคตนี่คือโอกาสของการต่อยอดศาสตร์โบราณด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ถ้าไม่ทำคนอื่นก็จะทำ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขา ทายาทรุ่น 3 ของปฏิทินจีนน่ำเอี๊ยง เข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัวที่ทำธุรกิจด้วยการ รีแบรนด์โหราศาสตร์ให้เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น รวมถึงใช้ AI สร้างฐานข้อมูลโหราศาสตร์จีนในรูปแบบ Data Platform รวบรวมและพัฒนาเป็นแอปพลิเคชันโหราศาสตร์จีนสมัยใหม่ ที่มีฟีเจอร์หลากหลาย อย่างเช่น ฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ
- สีมงคลรายวันแบบ Personalize ระบบจะคำนวณจากวัน เดือน ปี และเวลาเกิดของผู้ใช้ แล้วบอกว่าวันนี้สีไหนจะช่วยเสริมพลังหรือโชคลาภได้มากที่สุด ซึ่งอ้างอิงตามหลักธาตุทั้ง 5 ของโหราศาสตร์จีน
- เวลามงคลส่วนตัว ปกติในปฏิทินจีนดั้งเดิมจะมีระบุช่วงเวลามงคล แต่เป็นภาษาจีนและเข้าใจยาก แอปนี้จึงแปลงข้อมูลเหล่านั้นให้เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย พร้อมแนะนำว่า “ช่วงเวลา 2 ชั่วโมงนี้” เหมาะกับการเริ่มต้นสิ่งสำคัญ เช่น เจรจางาน ลงทุน หรือพบปะคนสำคัญ
“โดยรวมแล้ว แอปนี้ไม่ได้เน้นการ ‘ดูดวง’ แบบทำนายอนาคต แต่เป็นการใช้ศาสตร์โหราศาสตร์จีนเพื่อวางแผนชีวิตในแต่ละวัน เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวคอยบอกว่าควรทำอะไร ช่วงเวลาไหนจะดีที่สุด”
สุดท้ายแล้ว เขาบอกว่าเชื่อว่าในอนาคต ถ้าไม่ทำ Specialized AI ด้านโหราศาสตร์จีนโดยเฉพาะ ก็จะมีคนอื่นทำแน่นอน สิ่งที่เรามีตอนนี้คือฐานข้อมูลโหราศาสตร์จีนขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาให้ AI วิเคราะห์ได้ลึกขึ้น และต่อยอดเชื่อมโยงกับข้อมูลด้านสุขภาพกายและใจได้ด้วย เช่น หาก AI ตรวจพบว่าคำถามของผู้ใช้สะท้อนภาวะเครียด หรือมีสัญญาณปัญหาสุขภาพจิต ก็สามารถแนะนำให้เข้าพบผู้เชี่ยวชาญหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทันที
“นี่คือจุดที่เทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือทำนายอนาคต แต่กลายเป็นผู้ช่วยดูแลชีวิตในมิติใหม่ของมนุษย์ได้จริง ๆ” กิตติธัชกล่าวทิ้งท้าย
Source : Brandthink , the standard