posttoday

แกะสูตร ศรีจันทร์ ส่งครีมซองขึ้นอันดับ 1 ไต่รายได้ทะลุพันล้าน

27 กันยายน 2568

ศรีจันทร์ ส่งครีมซองขึ้นอันดับ 1 ด้วย 4 กลยุทธ์ In-Skin Sachet Strategy ที่ตรงใจผู้บริโภค พบรายได้ไต่ขึ้นจาก 400 ล้านสู่ 1.6 พันล้านในปี 67 กำไรกว่า 200 ล้าน

KEY

POINTS

  • ศรีจันทร์สร้างปรากฏการณ์ใหม่! ส่งครีมซอง "สกิน มอยส์เจอร์ เบิร์ส" ทะยานขึ้นแท่นอันดับ 1 ครองใจผู้บริโภคทั่วประเทศ
  • ถอดรหัสความสำเร็จด้วย 4 กลยุทธ์ "In-Skin Sachet Strategy" ที่ตอบโจทย์ทุก Insight ตั้งแต่สูตรเห็นผลจริง ราคาเข้าถึงง่าย และการตลาดที่ตรงใจ
  • ผลประกอบการสุดปัง! รายได้ทะยานจาก 400 ล้าน สู่ 1.6 พันล้านบาท พร้อมกวาดกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 200 ล้านบาทในปี 67

จากหมอเหล็ง ศรีจันทร์ ในปี 2491 และเปลี่ยนชื่อร้านเป็น “ห้างขายยาศรีจันทร์สหโอสถ” โดยมีธุรกิจทางด้านเวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ และเครื่องสำอางเป็นหลัก การเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด” และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในยุคนั้น โดยมีผงหอมศรีจันทร์ หรือแป้งพอกหน้าคุมมันเป็นสินค้ายอดนิยมในปี 2531 

มาวันนี้ ภายใต้การนำของ รวิศ หาญอุตสาหะ ทายาทรุ่นที่ 3 ได้พาศรีจันทร์ขึ้นแท่นครีมซองขึ้นอันดับ 1 ตอกย้ำผู้นำ T-Beauty พร้อมคว้ารางวัล Outstanding Brand 2025 หมวด Facial Care จาก Worldpanel by Numerator Thailand

“ศรีจันทร์ สกิน มอยส์เจอร์ เบิร์ส เจล ครีม แบบซอง 10 มล.” มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดด้วย Market Share 3.36% (ข้อมูลจาก NIELSENIQ THAILAND ม.ค. 2568 –   มิ.ย. 2568)

แกะสูตร ศรีจันทร์ ส่งครีมซองขึ้นอันดับ 1 ไต่รายได้ทะลุพันล้าน ความสำเร็จนี้เกิดจากการเดินหน้าด้วย 4 กลยุทธ์ In-Skin Sachet Strategy ที่ตรงใจผู้บริโภค นำไปสู่การคว้ารางวัล Brand Footprint 2025: Outstanding Brand ในหมวด Facial Care ภายใต้การเก็บข้อมูลของ Worldpanel by Numerator Thailand ผู้นำระดับโลกด้านวิจัยตลาดและวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค

รวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด กล่าวว่า ศรีจันทร์เข้าสู่ตลาดสกินแคร์ตั้งแต่ปี 2564 โดยขยายพอร์ตโฟลิโอเป็น SRICHAND IN-SKIN รวม 12 ผลิตภัณฑ์ และเติบโตแบบก้าวกระโดดในปี 2567 

ข้อมูลจาก NIELSENIQ THAILAND ม.ค.  – ธ.ค. 2567  ชี้ว่าศรีจันทร์สกินแคร์เติบโตถึง 148% เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 45% ภายในปี 2569 และมีสินค้าที่ขายดีที่สุดในหมวดสกินแคร์คือ Srichand Skin Moisture Burst Gel Cream Sachet 10 ml อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ไทยอันดับ 1 ในหมวดมอยส์เจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวหน้า (Moisturizer for Face) โดยมีอัตราการเติบโต 70.9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่เติบโตเพียง 2.73% (ข้อมูลจาก NIELSENIQ THAILAND เทียบระหว่าง ม.ค – มิ.ย. 2567 และ ม.ค – มิ.ย. 2568) 

ความสำเร็จในตลาดสกินแคร์ของศรีจันทร์เกิดจากกลยุทธ์ 4 ข้อ ที่เรียกว่า In-Skin Sachet Strategy คือ

1.พัฒนาสูตรด้วย Active Ingredients ที่เห็นผลจริง ด้วยการคัดสรรสารสกัดประสิทธิภาพสูง เหมาะกับผิวคนไทย เช่น Glyceryl Glucoside, Sodium Hyaluronate (HYA), และ Centella Asiatica (CICA) ให้ผลชุ่มชื้นยาวนาน 72 ชั่วโมง ผ่านการทดสอบจนได้ผลลัพธ์ที่สร้างความประทับใจและซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง

2.ตั้งราคาคุ้มค่า เข้าถึงได้ง่าย มีช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุม ด้วยการกำหนดราคาที่คุ้มค่ากับคุณภาพและปริมาณ ทำให้ผู้บริโภค สามารถทดลองใช้ได้ง่าย  อีกทั้งยังหาซื้อได้สะดวกทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์

3.สื่อสารการตลาดตรงใจผู้บริโภค ด้วยการสร้างแคมเปญที่ตอบโจทย์ Insight ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง สร้างการรับรู้และการทดลองใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น แคมเปญ “เข้าใจทุกผิวคนไทย” ที่มาจาก Insight ในเรื่องคนไทยมีปัญหาผิวหลากหลายจากสภาพอากาศและไลฟ์สไตล์ ในขณะเดียวกันก็ต้องการแบรนด์เดียวที่ใช้แก้ปัญหาได้ครบ ศรีจันทร์จึงพัฒนาสูตร IN-SKIN ให้ตรงกับทุกสภาพผิว

4.เลือกพรีเซนเตอร์ที่สร้างการเชื่อมโยงกับผู้บริโภค ซึ่งการเลือก “แบมแบม” เป็นคนไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไม่เพียงขยายการรับรู้ แต่ยังสะท้อนภาพลักษณ์ “Modern Classic Thainess” สร้างความเชื่อมโยงกับ Gen Z และกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งกลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มยอดขายถึง +77% เมื่อเทียบผลประกอบการระหว่าง ม.ค.-มิ.ย. 2567 และ  ม.ค.-มิ.ย. 2568 หลังจากได้แบมแบมมาเป็นพรีเซนเตอร์ SRICHAND IN-SKIN

เส้นทาง 76 ปี จากห้างขายยาสู่แบรนด์ระดับโลก     

ห้างขายยาศรีจันทร์สหโอสถก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2491 โดย พงษ์ หาญอุตสาหะ ที่ขณะนั้นดำเนินธุรกิจขายยาได้มีการซื้อสูตรผงหอม จากหมอเหล็ง ศรีจันทร์ และเปลี่ยนชื่อร้านเป็น “ห้างขายยาศรีจันทร์สหโอสถ” โดยมีธุรกิจทางด้านเวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ และเครื่องสำอางเป็นหลัก

เวลาต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด” และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในยุคนั้น โดยมีผงหอมศรีจันทร์ หรือแป้งพอกหน้าคุมมันเป็นสินค้ายอดนิยมท่ามกลางกลุ่มลูกค้าชาวไทย อย่างไรก็ตาม ความนิยมของผู้บริโภคได้ถดถอยไปตามกาลเวลา ผงหอมศรีจันทร์กล่องสีเหลืองฟ้าอันคุ้นตากลายเป็นเพียงที่รู้จักของคนรุ่นเก่า

จนกระทั่งในปี 2549 รวิศ หาญอุตสาหะ ทายาทรุ่นที่ 3 ได้เข้ามาบริหารธุรกิจครอบครัวและเริ่มการพลิกฟื้นองค์กรครั้งใหญ่ ด้วยเจตนารมณ์ที่อยากเห็นธุรกิจเก่าแก่ของครอบครัวเติบโตและเป็นที่รู้จักในระดับสากล สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ณ ขณะนั้นที่มีแนวโน้มในการเติบโตเพิ่มขึ้นทั่วโลก

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขององค์กรเกิดขึ้นในปี 2557 จากผงหอมศรีจันทร์ที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 60 ปี ได้รีแบรนด์เป็น “แบรนด์ศรีจันทร์” โดยการพัฒนาสูตรให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพเทียบเท่าเครื่องสำอางระดับโลก การเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์องค์กร รวมถึงรีแบรนด์บรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย และการทำการตลาดในช่องทางใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็พยายามรักษากลุ่มลูกค้าเดิมไปด้วย

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ “ศรีจันทร์” กลับมาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในตลาดอีกครั้ง แม้จะผ่านมากว่า 76 ปี ทุกวันนี้ชื่อของศรีจันทร์ สามารถกลับมาครองใจผู้บริโภคได้ ด้วยรูปลักษณ์อันทันสมัย พร้อมคุณภาพระดับสากล แต่ยังมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าที่เหมาะกับผิวชาวไทยและขยายความหลากหลายของสินค้า ให้มีมากกว่าเครื่องสำอางเพื่อตอบสนองวิถีชีวิตของคนยุคใหม่

ย้อนรอยรายได้ไต่ระดับจาก 400 ล้านสู่ 1.6 พันล้าน

เมื่อดูรายได้ย้อนหลัง 5 ปี “ศรีจันทร์” จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า มีการเติบโตถึง 4 เท่า จาก 400 ล้านในปี 63 สู่ 1.6 พันล้านในปี 2567

ปี 2563
รายได้ 441 ล้านบาท        
กำไร 6 ล้านบาท

ปี 2564
รายได้ 521 ล้านบาท        
ขาดทุน 38 ล้านบาท

ปี 2565
รายได้ 736 ล้านบาท        
กำไร 25 ล้านบาท

ปี 2566
รายได้ 1 พันล้านบาท        
กำไร 80 ล้านบาท

ปี 2567 
รายได้ 1.6 พันล้านบาท    
กำไร 205 ล้านบาท

ข่าวล่าสุด

นายกฯอนุทิน ย้ำ ข้อเสนอหยุดยิง จะต้องมาจากฝ่ายกัมพูชาโดยตรง