posttoday

สีหศักดิ์ แถลง โต้ ทรัมป์ ยันไม่ได้ตอบโต้เกินเหตุ ปม ไทย-กัมพูชา

13 ธันวาคม 2568

สีหศักดิ์ เผย คนไทยผิดหวังต่อข้อความของ ทรัมป์ ชี้ กระทบต่อความรู้สึกของคนไทย เหตุ ไทยและสหรัฐฯ มีสถานะเป็น พันธมิตรที่ยาวนาน ยันไทยไม่ได้ตอบโต้เกินเหตุ ปม ไทย-กัมพูชา

KEY

POINTS

  • นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ แถลงโต้แย้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยยืนยันว่าการตอบโต้ของฝ่ายไทยต่อกัมพูชาไม่ได้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
  • การตอบโต้ของไทยเป็นผลมาจากการที่ฝ่ายกัมพูชาจงใจยิงจรวด BM-21 เข้าใส่พื้นที่พลเรือนจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งไม่ใช่เหตุการณ์อุบัติเหตุ
  • ไทยแสดงความผิดหวังต่อข้อความของผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งกระทบต่อความรู้สึกของคนไทย โดยย้ำถึงสถานะพันธมิตรที่ยาวนานระหว่างสองประเทศ

16:00น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ  นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าว ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าช่วงคืนวันที่12 ธันวาคม 2568 ทุกคนคงทราบดีแล้วว่าได้มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ระหว่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในส่วนของฝ่ายไทยในส่วนของนายกรัฐมนตรีก็ได้มีการแถลงข่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่คืนวันที่ 12 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล 

 

โดยหลังจากที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความในทวิตตอร์ ซึ่งฝั่งไทยเราเองก็มีหลายประเด็นที่เราอยากจะชี้แจง ทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีความห่วงใย ต่อสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ขณะนี้และมีความหวังดีที่อยากจะเห็นสันติภาพแน่นอนว่าประเทศไทย ก็อยากจะเห็นสันติภาพแต่สันติภาพนั้นคงไม่ได้มาจากฝ่ายเดียวแต่ต้องมาจากทั้ง 2 ฝ่าย  


 

 นายสีหศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากเหตุการณ์ทุ่นระเบิดแล้ว วันนี้เกิดเหตุการณ์ ฝ่ายกัมพูชานั้นได้ยิงจรวดBM-21 ไปยังพื้นที่พลเรือนจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าไม่ใช่ อุบัติเหตุ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากความจงใจของฝ่ายกัมพูชา  และในข้อความของประธานาธิบดีสหรัฐก็โต้ตอบมาว่าฝ่ายไทยนั้นมีการโต้ตอบกลับฝ่านกัมพูชา ที่รุนแรงนั้น 

 ”เราจึงอยากจะเรียนว่าการโต้ตอบของฝ่ายไทยนั้น เราไม่ได้โต้ตอบเกินกว่าเหตุ  ทั้งหมดที่กล่าวมาคือเราต้องการจะบอกว่าเราเป็นมิตรประเทศกับสหรัฐอเมริกา และเรารู้สึกผิดหวังที่ข้อความดังกล่าวกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยและประเทศไทยในฐานะที่เรามีความภูมิใจที่เราเป็นพันธมิตรทั้งสนธิสัญญาที่เก่าแก่ของสหรัฐและถือว่าเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐในภูมิภาคนี้และเราเป็นพันธมิตรที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเนโต้  ทำให้เรารู้สึกผิดหวังเพราะว่าไทยและสหรัฐฯ ความร่วมมือทางพันธมิตรและความเป็นพันธมิตรระหว่างกัน เราผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาเยอะและต่อสู้เพื่อเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคงร่วมกันมาในอดีตและเราถือว่าเป็นความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์ร่วมกันทางด้านความมั่นคงอยู่และจะมีอยู่ต่อไป  “นายสีหศักดิ์ กล่าว

 

นอกจากนี้ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่ นาย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้นที่ขอให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ปะทะ ระหว่างไทย-กัมพูชา ผ่านดาวเทียมเพื่อตรวจสอบความเท็จจริงซึ่งประเทศไทยเราไม่มีปัญหาและขอให้ตรวจสอบเรื่องของทุ่นระเบิดด้วยเพราะเราพร้อมอยู่แล้ว ตอนที่ตนไปจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ต้นก็ได้เรียกร้องให้มีคณะตรวจสอบข้อเท็จจริงเพราะฉะนั้นหากจะตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามขอให้ตรวจสอบทั้งเรื่องของเหตุการณ์ปะทะและการใช้ทุ่นระเบิดด้วย

 

 

นายสีหศักดิ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ภัยคุกคามตามแนวชายแดนไทย-กัมพพูชา นั้น ไม่ได้มาจากการปฎิบัติการทางการทหารของฝ่ายกัมพูชาอย่างเดียวแต่มาในรูปแบบของสแกมเมอร์ทั้งหลายด้วยซึ่งคนได้รับผลกระทบมากมายทั้งการค้ามนุษย์และผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในภูมิภาคและนอกภูมิภาคซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทุกประเทศในประชาคมโลกต้องรู้กัน ในการปราบปรามและไทยก็ดำเนินการในส่วนของไทยอย่างเต็มที่ในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ไทยเราจะมีการประชุมในระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างความเป็นหุ้นส่วนในการปราบปรามออนไลน์สแกมทั้งหลาย  

 

นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ตนอยากจะขอบคุณ ประธานาธิบดีสหรัฐ อเมริกา เนื่องจากตนก็อยู่ในห้องเจรจาในวันนั้นด้วย กรณีเรื่องของการเจรจาการค้า ซึ่ง ประธานาธิบดีสหรัฐก็กล่าวว่า เจรจาการค้า ระดับผู้ปฏิบัติขอให้ดำเนินต่อไป เพราะเรื่องของการค้าเป็นคนละเรื่องกับ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ควรนำเอามาโยงกับการเจรจาการค้า 

 


ส่วนอีกเรื่องที่เราเป็นห่วงมากคือตอนนี้มีคนไทยอยู่จำนวน 6,000 กว่าคน อยู่ที่ด่านปอยเปต กัมพูชา และอยากที่จะกลับเข้ามาอย่างประเทศไทย เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยในส่วนของประเทศไทยเราได้ให้ชาวกัมพูชาที่ต้องการกลับประเทศกลับไปหมดแล้ว แต่ฝั่งกัมพูชาไม่ยอมเปิดด่าน ทั้งๆที่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้ง แต่เป็นเรื่องของมนุษยธรรม เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะเราได้คุยกันแล้วว่าการเปิดด่านจะมีการเปิดด่านในช่วงบ่ายวันนี้(13 ธันวาคม)เวลา13:00-16:00น. แต่ฝั่งกัมพูชาขอเลื่อนออกไปก่อน ซึ่งสมเด็จ ฮุน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความว่าระงับการเดินทางทั้งหมดในการข้ามเขตแดน  ซึ่งถือเป็นเรื่องชัดเจนว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมภายใต้กติการะหว่างประเทศทั้งหลายโดยเฉพาะกติกากฎหมายสิทธิมนุษยชน 

 

เมื่อถามว่ากรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ ใช้ถ้อยคำที่ไม่ให้เกียรติทหารไทยการที่ที่พูดแบบนี้ยังถือว่ามีเจตนาที่ดีและถือเป็นบทบาทที่สร้างสรรค์ต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชาขณะนี้หรือไม่นั้น นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า คำพูดนั้นมันไม่ตรงกับความเป็นจริงเพราะมันไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอนมันเกิดจากการที่ฝ่ายกัมพูชาตั้งใจที่จะวางทุ่นระเบิดใหม่ซึ่งตรงนี้ก็มีการยืนยันโดยคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนไปแล้ว อย่างไรก็ตามข้อความนี้หรือความเห็นของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้คำว่าเป็นอุบัติเหตุนั้นคงกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยและประเทศไทยไม่น้อย


ส่วนกรณีที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ ระบุช่วงเวลาหยุดนั้นถือเป็นการมัดมือชกไทยเราหรือไม่นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า การหยุดยิงนั้นต้องถาม ฝ่ายกัมพูชาว่าเขาพร้อมจะหยุดยิงหรือไม่  การหยุดยิงอยู่ดีๆ มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความปรารถนาแต่ต้องเกิดขึ้นจากความพร้อมของทุกฝ่ายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้านี้คือความพร้อมที่จะหยุดยิงหรือเปล่า  เพราะฉะนั้นในบริบทเช่นนี้การ หยุดยิงมันไม่มีความหมายเพราะฉะนั้นเราจะพูดเรื่องหยุดยิงได้อย่างไร ในเมื่อฝ่ายคำพูชาก็ยังไม่หยุดยิง แล้วเป็นเรื่องเดิมๆ ที่ผ่านมาคือวิธีการฝ่ายกัมพูชาพูดอย่างทำอย่างเบี่ยงเบนประเด็นที่มีปัญหาแท้จริง สร้างสถานการณ์เรื่องราว เพื่อสร้างความได้เปรียบในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยเราก็มีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงและตอบโต้เพราะไม่ใช่การต่อสู้ในชายแดนเท่านั้นแต่เป็นการต่อสู้ในเวทีระหว่างประเทศด้วย

เมื่อถามว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่าในการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างนายอนุทินและประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีการพูดคุยกันเรื่องข้อตกลงหยุดยิงและกลับเข้าสู่ ปฏิญญา สันติภาพ เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์อะไรที่ประธานาธิบดีโพสต์ข้อความและในส่วนของตรงนี้ไทยจะมีการติดต่อเพื่อขอหารือทางโทรศัพท์อีกครั้งหรือไม่นั้นนายสีหศักดิ์ กล่าวว่าคงเป็นความคาดหวังของตัวประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทุ่มเทกับข้อตกลงสัญญาหยุดยิงซึ่งคงคาดว่าคงอยากจะให้มีการหยุดยิงแต่อย่างที่ตนบอกว่าการจะหยุดยิงได้ต้องมาจากความพร้อมของทั้ง2ฝ่าย ในการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่าง2ฝ่ายเมื่อคืนนั้นก็ยังไม่มีการพูดคุยถึงการหยุดยิงแต่ บทสนทนาระหว่างตนและ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ก็ได้พูดคุยกันว่าเรื่องของการหยุดยิงนั้นไม่ได้สามารถเกิดขึ้นได้โดยทันทีเพราะฝ่ายทหารก็ต้องมีการประเมินสถานการณ์และต้องพูดคุยระหว่าง2ฝ่าย ซึ่งการหยุดยิงโดยที่ยังไม่มีใครพร้อมถือเป็นการหยุดยืนที่ไม่ยั่งยืนเพราะฉะนั้นในการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีจึงมีการพูดคุยกันเรื่องหยุดยิง และการหยุดยิงอย่างยั่งยืนนั้นมีรายละเอียดเยอะที่ต้องพูดคุยกับฝ่ายทหาร

ข่าวล่าสุด

นายกฯอนุทิน ย้ำ ข้อเสนอหยุดยิง จะต้องมาจากฝ่ายกัมพูชาโดยตรง