posttoday

BDMS ขยาย 'เวลเนส' สู่ 'โอมาน' หลังพบประชากรเสียชีวิต 80% จากโรค NCDs

11 ธันวาคม 2568

บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก ขยายเครือข่าย 'เวลเนส' สู่ตะวันออกกลาง หลัง 'โอมาน' เผชิญความท้าทายจากปัญหาโรค NCDs ในสังคมสูงวัย

KEY

POINTS

  • โอมานเผชิญวิกฤตสุขภาพ โดยประชากรกว่า 80% เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากภาวะอ้วนและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป
  • บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS) จึงขยายธุรกิจบริการสุขภาพเชิงป้องกัน (Proactive Healthcare) ไปยังโอมาน เพื่อตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพดังกล่าว
  • BDMS ได้หารือความร่วมมือกับโอมานภายใต้นโยบาย “Health Vision 2050” เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจเวลเนส (Wellness Economy) ระหว่างสองประเทศ โดยอาศัยจุดแข็งของไทยด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

โอมาน เป็นหนึ่งในประเทศที่มั่งคั่งในตะวันออกกลาง จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ณ เดือนพฤษภาคม 2568 ระบุว่า  กลุ่มประเทศความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) มี GDP รวมสูงถึง 2.16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 44.51% ของ GDP ทั้งภูมิภาคตะวันออกกลาง และ 1.89% ของ GDP โลก พร้อมจำนวนประชากร 62.47 ล้านคน และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวอยู่ในระดับสูงติดอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค 

 

อย่างไรก็ตาม แม้โอมานจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจมั่งคั่งและมีรายได้ต่อบุคคลสูง แต่ประชากรยังคงเผชิญความท้าทายด้านสุขภาพ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งถือเป็นปัญหาหลัก

 

ข้อมูลจาก World Health Organization หรือ WHO เผยว่า กว่า 80% ของผู้เสียชีวิตในประเทศโอมาน เกิดจากโรค NCDs คิดเป็นประมาณ 13,000 รายต่อปี หรือ เฉลี่ย 1.5 รายต่อชั่วโมง โดยโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคทางเดินหายใจเรื้อรังตามลำดับ

 

โรคที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งนำไปสู่อัตราการตายที่กล่าวถึงนั้น จุดเริ่มต้นสำคัญอย่างหนึ่งคือ 'ภาวะอ้วน'  

 

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) สะท้อนภาพที่ชัดเจนถึงบทบาทของ “ภาวะอ้วน” ซึ่งไม่ใช่เพียงเป็นประเด็นด้านรูปลักษณ์ภายนอก หากแต่เป็นจุดตั้งต้นสำคัญของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลากหลายชนิดดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น

ณ ปัจจุบัน พบว่าชาวโอมานกว่า 66.9% หรือราว 3,328,275 คน อยู่ในภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างระบบสุขภาพเชิงป้องกันเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างอนาคตสุขภาพที่มั่นคงให้กับประเทศ

 

นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ

 

นายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“ปัจจัยหลักที่ทำให้ภาวะอ้วนเพิ่มสูงขึ้นในหมู่ประชาชนชาวโอมาน มาจากการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตในยุคปัจจุบันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการบริโภคที่เน้นความสะดวกและรวดเร็ว การรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูง การเคลื่อนไหวของร่างกายที่ลดลงจากการมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายในชีวิตประจำวัน ตลอดจนชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานซึ่งทำให้เวลาสำหรับการดูแลตนเองลดน้อยลง

ปัจจัยเหล่านี้ได้ค่อย ๆ หล่อหลอมจนเกิดภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การเกิดโรคอ้วนจึงเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจน ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว”

 

นพ.ตนุพลกล่าวเพิ่มเติมว่า  การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน หรือ Proactive Healthcare จึงมีบทบาทสำคัญยิ่งในยุคปัจจุบัน ซึ่งไม่เพียงช่วยให้เราตรวจพบความเสี่ยงและป้องกันโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการปรับวิถีชีวิตให้สมดุล ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษา และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน

ตลอดจนสร้างวัฒนธรรมการดูแลตนเองเชิงรุกที่สามารถป้องกันการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในระยะยาว และสนับสนุนให้ระบบสุขภาพของประเทศมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และพร้อมรับมือกับความท้าทายด้านสุขภาวะในอนาคต

 

 

BDMS ขยาย 'เวลเนส' สู่ 'โอมาน' หลังพบประชากรเสียชีวิต 80% จากโรค NCDs

 

วิสัยทัศน์ด้านสุขภาพของโอมาน สอดคล้องกับความแข็งแกร่งด้าน Wellness ประเทศไทย

 

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) ได้มีการหารือแนวทางสานต่อความร่วมมือด้านสุขภาพระหว่างไทยและโอมาน ภายใต้แนวคิด “Health Vision 2050” ของประเทศโอมาน ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน

แนวคิดดังกล่าวเป็นวิสัยทัศน์ระยะยาวด้านระบบสุขภาพของโอมานในมิติที่สำคัญ ทั้งด้านการเงินสุขภาพ การพัฒนาทรัพยากรบุคคล การให้บริการทางการแพทย์ เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจและวิสัยทัศน์ Wellness Hub Thailand  และกลายเป็นโอกาสใหม่ที่จะส่งเสริม Wellness Economy ระหว่างสองประเทศ 

 

ทั้งนี้  อ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดของ Global Wellness Institute (GWI) พบว่า เศรษฐกิจเวลเนสทั่วโลกมีอัตราการเติบโตสูงถึง 7.6% ต่อปีในช่วงปี 2024–2029 โดยในบรรดาภาคส่วนของเศรษฐกิจเวลเนส การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างโดดเด่น โดยอยู่ในอันดับที่ 5 รองจากภาคส่วนสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพ (Wellness Real Estate) การแพทย์แผนโบราณและการแพทย์ทางเลือก (Traditional & Complementary Medicine) การดูแลสุขภาพจิต (Mental Wellness) และ การบำบัดด้วยน้ำแร่และน้ำพุร้อนธรรมชาติ (Thermal & Mineral Springs Therapy)

 

เมื่อหันกลับมามองประเทศไทย ศักยภาพของประเทศไทยได้เปรียบในการแข่งขันเป็นอย่างมากเนื่องจาก มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่อ 'การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ' เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่การท่องเที่ยวในระดับทั่วไป ซึ่งหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนตั้งแต่ระดับกระทรวงสาธารณสุข ททท. หรือโรงพยาบาลชั้นนำต่างๆ ล้วนมองเห็นศักยภาพด้าน Wellness Economy และเริ่มหันมาขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปแบบมากขึ้น

 

โดยพบว่า ระหว่างปี 2565 - 2566 ไทยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 28.4% และมีมูลค่าถึง 40.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท

ในขณะที่ Wellness Tourism เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของไทย คิดเป็นสัดส่วนใหญ่ของ GDP ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้อันดับ 1 ในทั้งหมด 11 อุตสาหกรรมเวลเนสประเทศไทย มูลค่าปีล่าสุดสูงถึง 415,000 ล้านบาท 

ข่าวล่าสุด

Onetouch ชี้ แบรนด์เก่า หากวิธีการตลาดเดิมไม่เวิร์ก ก็ถึงเวลาฉีกตำรา