“รังสิมันต์ โรม” จี้ รัฐบาลปราบสแกมเมอร์จริงจัง ตัดท่อน้ำเลี้ยง ฮุนเซน
“รังสิมันต์ โรม” ชี้ สแกมเมอร์เป็นหัวใจ และท่อน้ำเลี้ยง ระบอบ ฮุนเซน เป็น บ่อเงินบ่อทอง “กัมพูชา” รัฐบาลควรใช้เรื่องนี้โต้กลับ เพราะเป็นความเสียหายระดับโลก
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย กล่าวถึงการพิจารณาเรื่องปัญหาสแกมเมอร์ ว่า วันนี้การประชุมตามต่อในเรื่องของนายเบน สมิธ และนายยิม เลียก และฮุนโต ซึ่งเป็นบุคคลที่ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก มีความเกี่ยวพันกับแพลตฟอร์มที่ใช้ฟอกเงิน
อีกทั้งยังมีบริษัทของประเทศสิงคโปร์ที่ทำ MOU กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ซึ่งเป็นเครือข่ายของนายเบน สมิธ วันนี้จะเป็นโอกาสดีที่ทางกมธ. ได้เชิญนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี รวมไปถึงคณะกรรมการป้องกันและป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ก่อนหน้านี้ได้มีการออกหมายจับครอบครัวของนายยิม เลียก แต่สิ่งที่ยังคาใจอยู่ยังไม่มีหมายจับของนายเบน สมิธ แต่มีการยึดทรัพย์ ซึ่งรายการส่วนใหญ่ไม่ได้มีเงินสดมาก นั่นหมายความว่ากระบวนการที่ล่าช้ามีโอกาสที่ทำให้เกิดการยักย้าย ถ่ายโอนทรัพย์สินจำนวนมากไปที่อื่น ทำให้รอดพ้นการยึดทรัพย์ และหากภายหลังจะดำเนินการยึดทรัพย์สินให้ตกมาเป็นของแผ่นดินนั้นก็ไม่สามารถทำได้
วันนี้นายไชยชนก ได้มาชี้แจงด้วยตัวเอง ซึ่งคาดว่าจะได้สอบถามถึงความคืบหน้าและกระบวนการ เพราะหนึ่งในข้อกล่าวหาที่สำคัญ ในการทำ MOU กับบริษัทของสิงคโปร์ เป็นการเปิดโอกาสให้มีการนำบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นเครือข่ายสแกมเมอร์มากถึง 500 คน เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย
ดังนั้น เรื่องนี้คงต้องรีบดำเนินการ ทรัพย์สินหมื่นล้านที่เป็นการยึดไปเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนเองคาดหวังว่า นายไชยชนกจะให้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและไม่ปกป้องกัน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกับ 2 บุคคลหลัก ฝั่งหนึ่งคือฝ่ายการเงิน อาจจะเป็นรัฐมนตรีดีอีคนที่แล้ว หรืออาจจะรวมไปถึงนักการเมืองอื่นๆ ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน
แต่ยังมีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน เช่น ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือตัวละครใหม่อย่างนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคืออดีตปลัดกระทรวงดีอี ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นประธานก.ล.ต. ซึ่งก.ล.ต.ปัจจุบันอยู่ในฝ่ายตรวจสอบ ต้องตรวจสอบบริษัทจำนวนหนึ่งที่อยู่ในเครือข่ายของนายเบน สมิธ ด้วย ฉะนั้น คนที่อยู่ในเครือข่ายหรืออาจเกี่ยวข้องกับนายเบน สมิธ เป็นถึงประธานก.ล.ต. เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่แสดงให้เห็นว่า ระบบตรวจสอบกลายเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งสแกมเมอร์ไปแล้ว
นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงกรณีชายแดนไทย-กัมพูชา หลังถูกถามว่าการพิจารณาวันนี้จะนำไปสู่ความได้เปรียบของไทยต่อกรณีไทย-กัมพูชาหรือไม่นั้นว่า สิ่งที่เราต้องคิดคือเราไม่ได้คิดแค่เสาใดเสาหนึ่ง แล้วจบแค่ตรงนั้น เวลาเราพูดถึงเรื่องความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา
จริงๆแล้วไทยและกัมพูชา ไม่ได้ขัดแย้งกันแค่เรื่องเขตแดน ไม่ได้ขัดแย้งเรื่องของปราสาทบริเวณชายแดนว่าเป็นของใคร แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมันเกิดมานานกว่านั้นคือ กัมพูชาปล่อยให้มีแก๊งค์สแกมเมอร์ไปตั้งฐานจำนวนมากในประเทศ และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยก็สูง
เพราะฉะนั้นเวลาเรามองความสัมพันธ์ตรงนี้เราไม่ ควรมองเฉพาะแค่เรื่องของความขัดแย้งตามแนวชายแดนแต่ต้องมองเรื่องของปัญหาสแกมเมอร์ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญ เป็นปัญหาอาชญากรรมระดับโลก และหากมองเข้าไปอีกตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นและเป็นรายได้ของสแกมเมอร์ คิดเป็น 60% ของGDPประเทศกัมพูชา
ตนคิดว่านี่คือท่อน้ำเลี้ยงสำคัญที่ทำให้ประเทศกัมพูชานั้นสามารถขับเคลื่อนความขัดแย้ง ต่อประเทศไทยผ่านมิติต่างๆไม่ใช่แค่มิติสงครามข้อมูลข่าวสาร หรือการสู้รบชายแดน รวมไปถึงเรื่องเงินอื่นๆอีกมากมาย
เงินตรงนี้สามารถใช้ซื้ออาวุธหรือซื้อโดรนพลีชีพ รวมถึงอื่นๆอีกมากมายเพื่อทำร้ายลูกหลานหรือฆ่า ทหารของเรา เพราะฉะนั้น ตนคิดว่าหากเราจะมีความสัมพันธ์ที่ปกติให้กลับมาอีกครั้งระหว่างไทยกัมพูชา ตนคิดว่าเราไม่ควร เพิกเฉยต่อการกำจัดสแกมเมอร์ได้
เชื่อว่าการทำให้ปัญหาสแกมเมอร์หมดไป โดยเร็วที่สุดในภูมิภาคนี้ จะนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ปกติ และเราจะมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนได้ แต่ ณ วันนี้รัฐบาลต้องเร่งในเรื่องของการทำร้ายสแกมเมอร์เพราะนี่คือหัวใจและท่อน้ำเลี้ยงที่สำคัญของระบอบฮุนเซน ที่เป็นอยู่ ณ เวลา
ส่วนในการปฏิบัติการของทางการทหารครั้งนี้ มีการโจมตีไปที่ฐานสแกมเมอร์และกาสิโนนั้น นายรังสิมันต์ นั้นมองว่า สแกมเมอร์ต่อให้เป็นบ้านพักหรือห้องแถว ก็เป็นสแกมเมอร์แต่ว่า ทำไมกัมพูชาถึงเอาทหารไปไว้ในอาคารของสแกมเมอร์ เพราะอาคารเหล่านั้นไม่ได้เป็นฐานปฏิบัติการของสแกมเมอร์แล้ว เขาคงไม่เอาแหล่งเงินกับทหารไปอยู่ใกล้กัน เพราะมีโอกาสที่จะถูกโจมตี คงไม่เป็นแบบนั้น
ตนคิดว่าการที่เราโจมตีไปที่ตัวอาคารของแก๊งสแกมเมอร์ พื้นที่ตัวอาคารที่เป็นฐานปฏิบัติการของทหารกัมพูชาในตอนนี้ ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการทำลายสแกมเมอร์ ตนยืนยันว่า การทำลายสแกมเมอร์สำคัญคือการทำลายโครงสร้าง คือพวกบรรดาแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ บุคคลต่างๆ นักการเมืองคนใกล้ชิดของฮุนเซน เข้าไปเกี่ยวข้อง นี่คือโครงสร้างที่เราต้องทำลาย
นอกจากนั้นคือเงินที่ใช้ในการฟอก วันนี้ตนยังเชื่อว่าการฟอกเงินในไทย ก็ยังเกิดขึ้นต่อไปอย่างมหาศาล ถ้ารัฐบาลยังไม่สั่งให้มีการสำรวจในเรื่องนี้ ควบคู่กับการยึดอายัดทรัพย์กับเครือข่ายสแกมเมอร์ที่ใหญ่หรือการออกหมายแดง หรือดำเนินคดีกับบุคคลต่างๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้ ที่เราจะปราบปรามสแกมเมอร์ได้
ถ้าเราปราบปรามสแกมเมอร์ไม่ได้ บ่อเงินบ่อทองของระบอบฮุนเซนจะยังคงอยู่ นั่นหมายความว่า ถ้าบ่อเงินบ่อทองยังคงอยู่ เครื่องจักรสงครามของเขา ของฮุนเซน ก็ยังคงอยู่ นี่คือสงครามของฮุนเซน เป็นความขัดแย้งที่ต้องขีดเส้นให้ชัดว่าเราไม่ได้เกลียดชังหรือสร้างความเกลียดชังกับชาวกัมพูชา ทั้ง 2 ประเทศตั้งอยู่ตรงนี้และยังอยู่ต่อไป
แต่สิ่งสำคัญด้วยคนไม่กี่คนที่มีอำนาจอยู่ในกัมพูชาสามารถสร้างความขัดแย้งตรงนี้ได้ ถ้าเราไม่จัดการตรงนี้ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ผมคิดว่าเราเองจะมีความสัมพันธ์ที่ปกติได้ยาก แต่ผมไม่ได้บอกว่าต้องส่งทหารเข้าไปยึดครองอะไร แต่ในทางปฏิบัติภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และเงื่อนไขทางการเมืองระหว่างประเทศที่เป็นอยู่
ผมคิดว่าการลงไปที่สแกมเมอร์ และเรามีความชอบธรรมในฐานะที่เราเสียหาย และส่งผลประโยชน์กับทั่วโลก จะทำให้บทบาทของไทยในฐานะที่เป็นรัฐที่ปราบปรามสแกมเมอร์มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และการที่กัมพูชาไม่เห็นด้วยพยายามรุกด้วยวิธีอื่น เป็นเพียงการตอบโต้ของผู้ที่เป็นฝ่ายสแกมเมอร์ที่กำลังต่อสู้กับผู้ที่ปราบสแกมเมอร์แค่นั้นเอง


