ไทยคว้า 'อันดับ 1 ของโลก' ความเท่าเทียมด้านการศึกษาแก่ผู้หญิง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยผลรายงาน Global Gender Gap Reort 2025 ของ WEF เผยประเทศไทยมีความเท่าเทียมทางเพศในประเด็นการศึกษาและสุขภาพ แต่ประเด็นการเมืองยังต้องพัฒนา!
KEY
POINTS
- ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ 1 ของโลกด้านความเท่าเทียมทางการศึกษาแก่ผู้หญิง โดยได้คะแนนเต็ม 1.000 จากรายงาน Global Gender Gap Report 2025 ของ World Economic Forum (WEF)
- แม้จะโดดเด่นด้านการศึกษา แต่ในภาพรวมดัชนีความเท่าเทียมทางเพศของไทยอยู่ในอันดับที่ 66 ของโลก และเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคอาเซียน
- รายงานชี้ว่าจุดที่ต้องพัฒนาสำหรับไทยคือการเพิ่มบทบาทสตรีในตำแหน่งผู้นำทางการเมือง ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 105 ของโลก สะท้อนว่าโอกาสยังคงถูกจำกัด
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจับมือกับ World Economic Forum (WEF) ในประเทศไทย เผยผล Global Gender Gap Report 2025 ตอกย้ำ 'ประเด็นความเท่าเทียมทางเพศไม่ใช่เพียงประเด็นสังคมแต่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ'
สำหรับ Global Gender Report เปิดตัวในปี 2006 และดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนานที่สุดในการติดตามความก้าวหน้าในการลดช่องว่างระหว่างเพศของแต่ละประเทศ ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินสถานะปัจจุบันและพัฒนาการของความเสมอภาคทางเพศใน 4 มิติหลัก ได้แก่
- การมีส่วนร่วมและโอกาสทางเศรษฐกิจ (Economic Participation and Opportunity)
- การได้รับการศึกษา (Educational Attainment)
- สุขภาพและการอยู่รอด (Health and Survival)
- อำนาจทางการเมือง (Political Empowerment)
โดยในปีนี้มีการประเมินระดับความเสมอภาคทางเพศใน 148 ประเทศ คิดเป็นประมาณสองในสามของประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตามยังไม่มีประเทศใดในโลกที่สามารถบรรลุความเสมอภาคทางเพศได้อย่างสมบูรณ์ โดยประเทศ ไอซ์แลนด์ ครองอันดับหนึ่งในดัชนีด้วยคะแนน 92.6% และรักษาตำแหน่งผู้นำมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ติดต่อกัน
ในขณะที่ ประเทศไทย มีคะแนนดัชนี Global Gender Gap Index 2025 ประมาณ 72.0% ซึ่งหมายถึงปิดช่องว่างระหว่างเพศได้ราว 72% และยังเหลือช่องว่างให้ลดอีกประมาณ 28% ซึ่งเป็นอันดับที่ 66 ของโลก และอันดับ 3 ของภูมิภาคอาเซียน เป็นรอง ฟิลิปปินส์และสิงคโปร์
ทั้งนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดเผยรายละเอียดของรายงาน พบว่าประเทศไทยมีความก้าวหน้าในหลายด้าน โดยเฉพาะการศึกษาและสุขภาพของสตรี โดยจากรายงานเผยคะแนนในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเท่าเทียมของสตรีในประเทศไทย อาทิ
- ผู้หญิงในประเทศไทยมีความเท่าเทียมด้านการศึกษา ได้คะแนนเต็ม 1.000 ถือเป็นอันดับ 1 ของโลก
- ในขณะที่ประเด็นความเท่าเทียมด้านสุขภาพและการอยู่รอด อยู่ที่ 0.977 คะแนน เป็นอันดับที่ 29 ของโลก และอันดับ 1 ของภูมิภาค
- โอกาสและการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ 0.786 คะแนน อยู่ที่อันดับ 17 ของโลก อันดับ 3 ของภูมิภาค
- อำนาจทางการเมือง ได้ 0.786 อยู่ที่อันดับ 105 ของโลก อันดับ 5 ของภูมิภาค
ในภาพรวมประเทศไทยสามารถได้คะแนนรวมอยู่ที่ 0.728 เพิ่มจากปีก่อน อยู่อันดับ 66 ของโลก และอันดับ 3 ของภูมิภาค ซึ่งจะเห็นได้ว่าแม้ไทยจะครองอันดับ 1 ของโลกด้านการศึกษาและมีศักยภาพสูง แต่ผู้หญิงไทยยังมีโอกาสน้อยในตำแหน่งผู้นำระดับนโยบาย สะท้อนว่าความสามารถเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอหากโอกาสและอำนาจยังถูกจำกัด
ทั้งนี้ หากดูจากรายงานของจุฬาลงกรณ์ฯ จะพบว่าจุดแข็งของประเทศไทย ในประเด็นความเท่าเทียมของสตรี โดยพบว่า จุดแข็งคือ การศึกษาทุกระดับเกิดความเท่าเทียมทั้งชายและหญิง ในขณะที่สุขภาพผู้หญิงของไทยมีความเท่าเทียมอยู่ในระดับสูงสุดของโลก และมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าอันดับโลกจะหล่นมา 1 อันดับจากที่เคยได้ในอันดับที่ 65 เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ยังมีส่วนที่ต้องพัฒนา เช่น การเพิ่มสัดส่วนสตรีในบทบาทผู้นำองค์กรและการมีส่วนร่วมทางการเมือง (แม้ว่าประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิงก็ตาม) การพัฒนาระบบสนับสนุนและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อศักยภาพสตรี การปิดช่องว่างทางเพศเพื่อสร้างนวัตกรรม การเติบโต และความสามัคคีให้สังคมไทยอย่างยั่งยืน


